แห่ฝากขายโรงแรม กทม.สร้างเสร็จทะลัก 1.5 หมื่นห้อง

10 ธ.ค. 2563 | 01:49 น.

โรงแรมเมืองท่องเที่ยววิกฤติ แห่ฝากโบรกเกอร์ขายอื้อ หลังยื้อเปิดบริการได้ไม่คุ้มเสีย ด้านฟินิกซ์ คาดรออีก 3-4 ปี ธุรกิจท่องเที่ยวไทยถึงกลับมาฟื้นรับต่างชาติ  จ่อเปิดประมูล “สมุยบุรี บีช รีสอร์ท” เคาะเริ่ม 400 ล้าน เซ่นโควิด ขณะกทม.น่าห่วง อีกกว่า 15,000 ห้องพัก รอทะลักเข้าตลาด

 

 

 

 

                ธุรกิจท่องเที่ยวหนึ่งในฟันเฟืองเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ผ่านการสร้างรายได้สัดส่วนต่อปีประมาณ 12% ต่อจีดีพี (การเติบโตทางเศรษฐกิจ) กำลังอยู่ในภาวะได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบางโรงแรมมีปัญหาขาดทุนเก่าอยู่ก่อนแล้ว ทำให้หลายโรงแรมตัดสินใจปิดกิจการ ไม่สามารถไปต่อได้ อย่างกรณีล่าสุด โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว “ดาราเทวี เชียงใหม่” จำต้องประกาศปิดฉาก 18 ปี ลงอย่างน่าเสียใจ ขณะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาส 3 พบกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมร่วมด้วย เช่น สิงห์ เอสเตท, แกรนด์ แอสเสท มีรายได้ลดลงถึง 50% และ 20% ตามลำดับ เนื่องด้วยการหยุดให้บริการ และมีอัตราการเข้าพักของลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายลดลงอย่างมาก ด้วยข้อจำกัดการเดินทางและปิดประเทศเป็นระยะเวลา

               

 

บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้  ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลเทนซี่ จำกัด บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวที่หยุดชะงักและเข้าสู่ช่วงวิกฤติตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา และยังไม่มีท่าทางว่าจะกลับมาฟื้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เพราะสถานการณ์หลายประเทศทั่วโลกยังน่ากังวล โดยแม้มีข่าวดีเรื่องวัคซีน แต่คาดว่า การกระจายวัคซีนไปยังทั่วโลก ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร จึงมีความเป็นไปได้ว่า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศของไทย จะกลับมาปกติ อาจต้องรอนานอีก 3-4 ปีข้างหน้า

                แห่ฝากขายโรงแรม  กทม.สร้างเสร็จทะลัก 1.5 หมื่นห้อง

 

 

ทั้งนี้ แม้หลายโรงแรมพยายามประคองธุรกิจ โดยหวังพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งคึกคักจากมาตรการสนับสนุนของรัฐ และเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว (พ.ย.-ก.พ.) แต่พบก็ยังไม่สามารถกระตุ้นได้มากนัก เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวเพียงไม่กี่แห่ง ไม่กี่พื้นที่เท่านั้นที่ได้รับความสนใจจากกำลังซื้อคนไทย โดยนายปฎิมา จีระแพทย์ ประธานกรรมการบริษัท ฟีนิกซ์ ระบุว่า ขณะนี้ตลาดโรงแรมส่งสัญญาณน่าห่วง หลังจากมีผู้ประกอบการ และกองทุนด้านอสังหา ริมทรัพย์ ติดต่อบริษัทเข้ามา เพื่อฝากขายโรงแรมทิ้งแล้วมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในเกรด 3-5 ดาว เป็นโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่ทั้งสิ้น ทั้งในทำเลกรุงเทพฯ, พัทยา, สมุย และ ภูเก็ต เนื่องจาก เดิมเป็นรูปแบบการพัฒนา เพื่อจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก

 

จึงได้รับผลกระทบมาก หลังจากต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้  อีกทั้งนอกจากไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโรงแรม ค่าจ้างพนักงานแล้ว บางส่วนต้องแบกรับภาระค่าดอกเบี้ยธนาคารเป็นจำนวนมาก จึงเป็นต่อไม่ไหว และแม้มีการลดราคาอย่างหนัก เช่น บางแห่งจาก 900 ล้านบาท เหลือ 200 ล้านบาท ก็ยังขายไม่ออก จำเป็นต้องปิดตัวไปอย่างเงียบๆ

 

อย่างไรก็ตาม พบยังมีกลุ่มทุน ซึ่งอยู่ในธุรกิจอื่นๆ หรือคนที่มีเงินเย็นเก็บสะสม รอจังหวะช้อนซื้อ มองหาของถูก ติดต่อเข้ามาถามซื้อโรงแรมเช่นเดียวกัน โดยมักขึ้นอยู่กับทำเลและความเหมาะสมของราคาที่บุคคลเหล่านั้นต้องการเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังเกิดเทรนด์การลงทุนใหม่ๆ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผ่านลักษณะการระดมทุนร่วมกับเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เข้าซื้อโรงแรมที่ประกาศขาย เพราะอยากมีโรงแรมเป็นของตัวเอง ก่อนจ้างบริษัท หรือเชนจ์โรงแรม เข้ามาบริหารจัดการ ต่อยอด ซึ่งพบแนวโน้มการลงทุนลักษณะนี้มีเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าสนใจ

 

 สำหรับการประมูลที่น่าสนใจนั้น เช่น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สมุย บุรี เตรียมให้บริษัทเป็นผู้จัดประมูลแบบยื่นซองเพื่อซื้อหรือเช่าโรงแรม “สมุยบุรี บีช รีสอร์ท” ซึ่งเป็นโรงแรมสร้างเสร็จ บนเนื้อที่ 13 ไร่ ติดหาดแม่น้ำ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบไปด้วยห้องพักแบบปกติและพูลวิลล่ารวมกันทั้งหมด 88 ห้อง ในราคาทรัพย์สินเริ่มต้น 400 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดยื่นซองประมูลขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 11 กุมภาพันธ์ 2564

 

“มีการเข้ามาฝากขายโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับร้อยล้านถึงพันล้าน ขนาดประมาณ 100-150 ห้องต่อโรงแรม ผ่านทั้งส่วนที่เป็นเจ้าของโดยตรงและกองทุนอสังหาฯกลุ่มโรงแรม เนื่องจาก เพิ่งเปิดบริการ แต่รายได้ไม่มากพอในการแบกรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร ขณะธุรกิจโรงแรมปีหน้ายังคงเหนื่อย”

           

 

 

     ทั้งนี้ ยังมองว่า อสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม ในแง่การลงทุนและเปิดบริการในอนาคต จำเป็นต้องคำนึงถึงทำเลที่ตั้ง และเคาะราคาห้องพักต่อคืนลงมากกว่า 20-30% จนกว่าตลาดท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมาในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะทำเลกรุงเทพฯ เนื่องจากพบ ยังมีจำนวนห้องพักใหม่ ตั้งแต่ระดับกลาง ถึง ลักชัวรี ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างรอทะลักเข้ามาในตลาดอีกราว 15,120 ห้อง ในช่วงปี 2564-2566

 

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,634 วันที่ 10 -12 ธันวาคม พ.ศ. 2563