"อนุดิษฐ์" เสนอ4ข้อ เยียวยาอาสาสมัครช่วยโควิด

04 พ.ค. 2564 | 03:38 น.

"อนุดิษฐ์" เสนอ4ข้อเยียวยาให้กลุ่มอาสาสมัครช่วยโควิด แนะรัฐจัดสรรเบี้ยเสี่ยงภัย รถกู้ภัยปีหน้าไม่ต้องเสียภาษี

วันที่ 4  พ.ค. 2564 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ สส.กทม.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าโควิดระลอกล่าสุดกำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว จนทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนักขึ้น เหนื่อยขึ้น โดยไม่มีวันหยุดพัก ขณะที่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นกว่าวันละ 2000 คน ต่อเนื่องมาเกือบสัปดาห์เต็ม ก็ยังไม่มีทีท่าจะลดลง เรายังเจอ Cluster ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน ประกอบกับการบริหารจัดการของรัฐที่ขาดประสิทธิภาพ จึงยังพบผู้ป่วยที่ตกค้างตามบ้านอีกจำนวนไม่น้อย   

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่าโควิดรอบนี้ ถ้าไม่มี อาสาสมัคร ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น อาสาสมัครมูลนิธิ อาสาสมัครกู้ภัย-กู้ชีพ ยังนึกไม่ออกว่าเราจะช่วยระบายผู้ป่วยที่ตกค้างตามบ้านทั้งหลายได้อย่างไร 

ผมขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง เพราะทุกท่านคือ “คนทำงาน”​ ที่ควรได้รับการยกย่อง สรรเสริญ พี่น้องอาสาทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ แม้จะไม่มีเงินเดือน ไม่มีสวัสดิการใดๆ จากรัฐ  แต่มูลนิธิต่างๆ ก็ยินดีควักเงินทุกบาททุกสตางค์ ไม่เว้นแม้แต่ค่าน้ำมันรถรับส่งผู้ป่วยโควิด ก็เติมกันเอง เพื่อช่วยพี่น้องคนไทยด้วยกัน  โควิดระลอกใหม่นี้ ผมได้ทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มอาสาสมัครหลายๆกลุ่ม เชื่อไหมครับว่าหลายท่านต้องกักตัวอยู่บ้าน เนื่องจากเผชิญกับกลุ่มเสี่ยงที่ปกปิดว่าติดเชื้อ จนน้องๆอาสาบางคนพลาดติดเชื้อโควิดไปแล้วก็มี น้องกู้ภัยหลายคนที่ถูกกักตัว ส่งข้อความมาหาผมว่า ขณะนี้ออกไปทำงานประจำไม่ได้ ชีวิตที่ลำบากอยู่แล้วก็ลำบากหนักขึ้นไปอีก

ผมนับถือหัวใจของพี่น้องอาสาสมัครทุกคน น้ำใจเป็นสิ่งมีค่าที่ยิ่งใหญ่  เป็นไปได้หรือไม่ หากรัฐบาลจะพิจารณากำหนดเบี้ยเสี่ยงภัยให้กับอาสาสมัครของเรา ผมเชื่อครับว่าพี่น้องคนไทย ยินดีแบ่งปันภาษีของเราเพื่อดูแลอาสาสมัครเหล่านี้อย่างแน่นอน
 

จึงขออนุญาตส่งข้อเสนอแนะไปถึงผู้มีอำนาจดังต่อไปนี้

1. ช่วยเยียวยาพี่น้องที่ต้องกักตัวจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยครับ

2.จัดสรรงบประมาณที่มีอยู่ 3.8 แสนล้าน มาเป็นเบี้ยเสี่ยงภัยให้แก่พวกเขา

3.ให้ค่าทำขวัญสำหรับอาสาสมัครที่ติดโควิดจากการปฏิบัติหน้าที่

4. รถกู้ภัยที่ได้ร่วมรับส่งพี่น้องที่ติดเชื้อโควิด  ออกนโยบายให้ปีหน้าไม่ต้องเสียภาษีรถยนต์ไปเลยครับ

และสวัสดิการอะไรอีกก็ได้ที่รัฐควรจะตอบแทนน้ำใจพวกเขาบ้าง