ออกหมายจับ 6 รายรวบแล้ว 1 ทำลายป้อมตร.บางนา

19 ต.ค. 2563 | 11:48 น.

ตำรวจออกหมายจับ 6 รายทำลายป้อมตำรวจแยกบางนา รวบได้แล้ว 1 หนุ่มปาอิฐใส่ 

 


วันนี้(19 ต.ค.63) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันนี้ กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการดำเนินการของตำรวจและสรุปภาพรวมสถานการณ์การชุมนุมตลอดทั้งวัน


พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ภาพรวมผู้ชุมนุมได้มีการนัดหมายใน 4 จุดหลัก 1.บริเวณแยกเกษตร 2.ใต้สะพานภูมิพล 3.บริเวณถนนงามวงศ์วาน ด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 4.รถไฟฟ้าMRT สถานีกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี สำหรับการเตรียมกำลังกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน ทั้งหมด 12 กองร้อย จำนวน 1,860 นายภายใต้การบังคับบัญชาของพล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รองผบช.น. และพล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น. โดยเน้นการจัดเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วในการเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณที่มีการชุมนุมในสถานที่ต่างๆ และป้องกันเหตุร้ายจากมือที่สาม 


ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอย้ำเตือนมายังพี่น้องประชาชนว่า การบังคับใช้กฎหมายในช่วงเวลานี้ กับกลุ่มผู้ชุมนุม เป็นไปตามกฎหมายภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกทม. ซึ่งใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 มิใช่ช่วงสถานการณ์ปกติ จึงไม่อนุญาตให้มีการชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์อันก่อให้เกิดความร้ายแรงใดๆ ทั้งสิ้น 


การนำเสนอข่าวสารไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว อันจะเป็นการปลุกปั่นหรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ โดยฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางโชเซียลมีเดีย ที่มีการชักชวน เชิญชวน เข้ามาชุมนุม มีความผิดตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้กระทำอาจจะได้รับโทษตามกฎหมาย ฝากเน้นย้ำการใช้โชเซียลมีเดียในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโพสต์รูปหรือข้อความอันเป็นเท็จอันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ซึ่งการกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และอาจมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย

 

 

 

พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวถึงกรณีที่ผู้ชุมนุมไปรวมตัวกันด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทางกรมราชทัณฑ์และตำรวจท้องที่ได้ประสานงาน เพื่อวางมาตราการรองรับไว้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการอำนวยความสะดวก รถของผู้ต้องขัง เข้าสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ หากมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก จนไม่สามารถนำรถเข้าได้ อาจมีการเปลี่ยนเส้นทางหรือรอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมก่อน เพื่อความปลอดภัย 


ส่วนความคืบหน้าล่าสุดกรณีกลุ่มบุคคลทำลายป้อมตำรวจบริเวณแยกบางนานั้น พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยว่า  ล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.บางนา ได้ยื่นขออำนาจศาลอาญาพระโขนง ออกหมายจับ นายขวัญ จินา อดีตนักเรียนโรงเรียนเทคนิคแห่งหนึ่ง และออกหมายจับบุคคลตามภาพถ่ายอีก 5 ราย ในข้อหา ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง,ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทรัพย์สินของราชการ ส่วนภาพที่มีการแชร์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตำรวจไม่มีแผนดังกล่าว แต่บุคคลในภาพอยู่ในขั้นตรวจสอบว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่


ล่าสุด ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาลบางนา สามารถจับกุมตัว นายขวัญ จีนา อายุ 36 ปี พนักงานขับรถส่งพัสดุ เป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุทำลายป้อมตำรวจ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริษัทขนส่งพัสดุเอกชน ริมถนนเทพรัตน แขวงและเขตบางนา กรุงเทพฯ ขณะกำลังจะไปส่งพัสดุให้บริษัท 


จากนั้นทางตำรวจได้คุมตัวไปตรวจสอบห้องพัก ย่านตำบลบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ และทำการตรวจยึดเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุไว้ได้ ก่อนนำตัวสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา
เบื้องต้นจากการสอบสวน ผู้ต้องหารายนี้ยอมรับสารภาพ เนื่องจากเป็นบุคคลตามภาพคลิปขณะก่อเหตุอย่างชัดเจน โดยเจ้าตัวรับว่าได้เดินทางมาชุมนุมดังกล่าว ซึ่งระหว่างนั้นได้ดื่มสุราที่นำใส่ขวดน้ำชาเขียวขณะที่ชุมนุม ทำให้เกิดอาการเมาจากนั้นทางกลุ่มมีมติยุติการชุมนุมในช่วง 20.00 น.วานนี้ (18ตุลาคม2563) ระหว่างที่ผู้ชุมนุมได้แยกย้ายกันกลับนั้น ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนใช้ก้อนอิฐ กรวยจราจรขว้างปาใส่ป้อมตำรวจ จนได้รับความเสียหาย ด้วยความที่เมาสุรา จึงหยิบก้อนอิฐปูพื้นฟุตปาธที่หาได้บริเวณนั้น ขว้างใส่ป้อมตำรวจ ไปด้วย จนทางกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามห้ามเหตุการณ์ จับตัวไว้ ก่อนปล่อยตัวไป และมาถูกตำรวจจับกุมไว้ได้


อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจฝ่ายสืบสวนได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน พร้อมทำการแจ้งข้อหา“ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ,โดยการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง”ก่อนนำตัวส่งกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค1 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


สำหรับผู้ต้องหารายอื่นที่ร่วมกันก่อเหตุ ทางตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวน พิสูจน์ทราบตัวบุคคลตามภาพคลิปวิดีโอ ตลอดจนเร่งสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้