วันนี้สังคมกำลังจับจ้องและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีที่ "กองทัพเรือ" จัดสรรงบซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 22,500 บาท ในขณะที่ประเทศกำลังมีปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนอยู่ในขณะนี้ว่า มีความเหมาะสมและจำเป็นมากน้อยแค่ไหน กองทัพเรือ หน่วยงานเกี่ยวข้องโดยตรงของเรื่องจึงไม่อาจนิ่งนอนใจและเพิกเฉยอยู่ได้
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2563 จากกองทัพเรือว่า พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้สั่งการให้จัดแถลงข่าวชี้แจงในประเด็นต่างๆที่สังคมกำลังกังขาในวันนี้ (24 สิงหาคม 2563) เวลา 13.30 น. ที่ห้องชมวัง อาคารราชนาวิกสภา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผวา“เรือดำน้ำ” เติมเชื้อไฟการเมือง เสนอกมธ.ทบทวน
จัดหนัก "เรือดำน้ำ" เพื่อไทย แฉพิรุธ ไม่ใช่สัญญาจีทูจี
งบ "ซื้อเรือดำน้ำ" 2.2 หมื่นล้าน ใช้ทำอะไรได้บ้าง เช็กที่นี่
"กรณ์" ค้านซื้อ"เรือดำน้ำ"แนะรัฐใช้งบก้อนใหญ่เร่งแก้ปัญหา"ปากท้อง" ก่อน
รวมถึงเรื่องของความจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์ การจัดสรรงบประมาณของกองทัพเรือที่เลื่อนโครงการจัดหาเรือผิวน้ำโครงการจัดหาอากาศยานแล้วนำมาผูกพันงบประมาณในการจัดหาเรือดำน้ำ พร้อมทั้งเรื่องเอกสารข้อกฎหมายในการทำสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และอำนาจของ ผบ.ทร. ในการลงนามที่่ผ่านมาจากกรณีที่พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2563 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคม พรรคเพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลงข่าว นำเอกสารกองทัพเรือในการประกอบการพิจารณาคณะอนุกรรมการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียนในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มาเปิดเผย โดยระบุว่า เอกสารลงนามจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น ไม่ใช่สัญญารัฐต่อรัฐแต่เป็นเพียงเอกสารข้อตกลง และสัญญาที่ลงนามเป็นเพียงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 1 ลำเท่านั้น ไม่มีผูกพันลำที่ 2-3
ทั้งยังระบุด้วยว่า พล.ร.อ.ลือชัย ผบ.ทร.ในขณะดำรงตำแหน่ง เสธ.ทร. ไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลไทยแต่อ้างถึงตำแหน่ง เสธ.ทร. จึงไม่สามารถรับมอบอำนาจได้ ซึ่งคนที่รับมอบอำนาจได้ต้องเป็น รมว.กลาโหม ดังนั้น สัญญาการจัดซื้อดังกล่าวจึงต้องเป็นโมฆะ