เบื้องหลัง "บรรยิน" สู้คดีอุ้มฆ่า โวย "ถูกปฎิบัติเยี่ยงสัตว์"

22 มิ.ย. 2563 | 09:18 น.

เบื้องหลัง บรรยากาศ "พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์"  ขึ้นศาลคดีอุ้มฆ่า โวย ถูกตีตรวน ปฎิบัติเยี่ยงสัตว์

วันนี้ (22 มิ.ย.2563) เวลา 10.00 น. มีการพิจารณาคดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ จ้างวานอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ห้องพิจารณาคดี 703 ชั้น 1  ซึ่งเป็นห้องใหญ่ที่ไว้ใช้พิจารณาในคดีสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และศาลได้จัดถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้สื่อมวลชนได้รับชมการพิจารณาวันนี้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพแต่อย่างใด

เวลาประมาณ 07.30 น. รถเรือนจำบางขวางที่มี พ.ต.ท.บรรยิน และพวกบนรถ ได้ออกจากเรือนจำบางขวางและมาถึงศาลทุจริตฯ ในเวลา 08.10 น. โดยขบวนรถนั้นมีรถของกองปราบปราม นำมาพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ประมาณ 20 นาย ในรถจำนวน 7 คัน ในการคุมตัวมายังศาล 

เวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ศาลได้เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 เข้ามาภายในห้องพิจารณา พร้อมกับทีมทนายความ 3 คน ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน สวมชุดนักโทษ ตัดผมสั้นเกรียน เดินเข้ามาโดยถือหน้ากากอนามัย ตีตรวนที่เท้า ไม่ได้สวมใส่กุญแจมือ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ ไม่มีทีท่ากังวลหรือเครียด  และเมื่อมานั่งก็ได้ตรวจพยานหลักฐานที่ทางทนายความเตรียมมา จำนวน กว่า 2 ลังใหญ่ ประมาณ 10 กว่าแฟ้ม ซึ่งคาดว่ามีเอกสารในนั้นประมาณ 4,000 หน้า  ส่วนการรักษาความปลอดภัยมีตำรวจจากหน่วยหนุมาน กองปราบราม และเจ้าพนักงานตำรวจศาล นั่งกระจายรอบๆ ห้องพิจารณา

เบื้องหลัง "บรรยิน" สู้คดีอุ้มฆ่า โวย "ถูกปฎิบัติเยี่ยงสัตว์"

ต่อมาเวลา 10.45 นาที ศาลจึงเริ่มขึ้นบัลลังก์พิจารณา โดยโจทก์ได้ยื่นพยานหลักฐาน และ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาในฐานะผู้เสียหาย ยื่นขอเป็นโจทก์ร่วม ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาต ส่วนฝ่ายจำเลยยื่นขอเลื่อนตรวจหลักฐาน โดยอ้างยังอ่านเอกสารพยานหลักฐานไม่แล้วเสร็จ พร้อมยืนยันให้การปฏิเสธ ระบุว่าถูกจำเลยที่ 2-6 ให้ร้ายกลั่นแกล้ง ในวันเกิดเหตุตนไม่อยู่ในเหตุการณ์ และขอปรึกษาภรรยาและลูกสาว

นอกจากนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ยังแถลงด้วยว่า อยู่ในเรือนจำไม่มีที่เก็บเอกสาร ไม่ได้อ่านสำนวนเลย "ถูกจับขังเดี่ยว ถูกใส่ตรวนตลอดเวลา ปฎิบัติเยี่ยงสัตว์"  ไม่มีโอกาสดูเอกสารทั้ง 10 แฟ้ม จะให้ทนายทำให้ก็จะเสียเปรียบ เพราะทนายไม่ได้ไปอุ้มกับตนด้วย รวมทั้งหลักฐานที่เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ต้องใช้เครื่องมือตรวจสอบ ถ้าได้ประกันตัวตนรับได้ เนื่องจากต้องไปสืบพยานที่ศาลอาญาพระโขนงทุกสัปดาห์ (คดีฆ่านายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง) ต้องเตรียมต่อสู้คดีนั้น จนไม่ได้มาสนใจคดีนี้ 

"ยังมีข่าวเรื่องผมจะแหกคุก ผมไม่รู้เรื่อง ผมอยู่ในเรือนจำ ถูกพันธนาการตลอดจนเครียดมากถึงขั้นผูกคอตาย และทนายที่ดูคดีนี้ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ด้วย"

ทางศาลชี้แจงว่าศาลใช้ระบบไต่สวน สามารถซักถามพยานได้ และแจ้งว่า การพิจารณาครั้งนี้เป็นความลับ และเพื่อรักษาความปลอดภัย รวมทั้งความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาล จึงไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งภรรยาและลูกสาวของจำเลยด้วย แม้ว่าจะเป็นผู้ช่วยทนายก็ตาม ซึ่งหากจะปรึกษากับภรรยาและลูกสาว เป็นเรื่องทางเรือนจำจะจัดการ แต่สามารถนั่งฟังในห้องที่ถ่ายทอดภาพและเสียงที่ศาลจัดไว้ให้ได้

ส่วนการตรวจพยานหลักฐานจำเลยที่ 2-6 ที่ศาลนัดหมายไว้วันที่ 25 มิ.ย.นี้ ทนายจำเลยขอเลื่อนไปก่อนเนื่องจากยังตรวจสำนวนไม่แล้วเสร็จ และมีเอกสารจำนวนมาก แต่ศาลไม่อนุญาตเนื่องจากได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า และได้ขอคัดเอกสารไว้ก่อนหน้าแล้ว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากศาลได้ลงจากบัลลังก์ พ.ต.ท.บรรยิน ได้พูดคุยกับทีมทนายความเสียงดัง จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตักเตือน ซึ่งทำให้มีการโต้เถียงกันเล็กน้อย โดยภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ขึ้นรถเรือนจำฯ โดยพ.ต.ท.บรรยิน ได้นั่งอยู่ฝั่งขวาของรถ ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับกลุ่มสื่อมวลชน ตั้งแนวบันทึกภาพขบวนรถออกจากพื้นที่ศาลไป

แต่เมื่อสื่อมวลชนนำภาพมาขยายดู ต่างพากันตีความกันต่างๆนานาว่า พ.ต.ท.บรรยิน ชูนิ้วกี่นิ้วกันแน่ บางสำนักบอก 2 นิ้ว บางสำนักบอกว่าทำท่าโอเค และบางสำนักบอกว่าชู 3 นิ้ว ซึ่งเป็นภาพชู 3 นิ้วที่ทีมช่างภาพฐานเศรษฐกิจบันทึกภาพไว้ได้ 

เบื้องหลัง "บรรยิน" สู้คดีอุ้มฆ่า โวย "ถูกปฎิบัติเยี่ยงสัตว์"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"บรรยิน"ผูกคอหวังฆ่าตัวตายแต่จนท.ช่วยทัน

เปิดเบาะแส "บรรยิน" วางแผนแหกคุก

"บรรยิน" วางแผน "แหกคุก" พล็อตหนัง หรือ เรื่องจริง

"บรรยิน" มีแผน "แหกคุก" จริงไหม ฟังจากปาก "อธิบดีกรมราชทัณฑ์"

สำหรับคดีอุ้มฆ่าคดีนี้นี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ทั้งหมด 6 คน โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ จะเลยที่ 1 , นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี , นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี , นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี , นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ซึ่งจำเลยที่ 1-6 ในความผิด 9 ข้อหา 

1.ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289 

2.ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313 

3.ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310 

4.ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139,140 

5.ฐานเป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210 

6.ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปมาตรา 213 

7.ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199 

8.ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 150 ทวิ 

9.ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน มาตรา 145 ประกอบป.อ.มาตรา 33,80,83,91,92 

นอกจานี้ยังยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ข้อหาที่ 10 คือ ฐานสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา มาตรา 146