สรุป “ไม่เลื่อนเปิดเทอม” 14 มิ.ย.นี้ จังหวัดไหนมีคำสั่งศบค.อย่างไร

09 มิ.ย. 2564 | 19:00 น.

สรุป “ไม่เลื่อนเปิดเทอม” กระทรวงศึกษาฯ ที่ยังคงกำหนดเดิม 14 มิ.ย.นี้ ด้วยการปรับการเรียนการสอน 5 รูปแบบ ภายใต้เงื่อนไขคำสั่งของศบค.ของแต่ละพื้นที่

แน่นอนแล้วว่า กระทรวงศึกษาธิการ หรือ ศธ. ยังยืนยัน ไม่เลื่อนเปิดเทอม ปี 2564 ยังเป็น วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน นี้ ตามประกาศเดิม 

ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบเหตุผลของ กระทรวงศึกษาธิการในการตัดสินใจ “ไม่เลื่อนเปิดเทอม 2564” พบข้อมูลว่า มีนโยบายให้แต่ละโรงเรียนจัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม 5 รูปแบบ ดังนี้ 

  • On-Site คือ จัดการเรียนการสอนที่โรงเรียน
  • On-Demand คือ เรียนผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ
  • Online คือ เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต
  • On-Hand คือ เรียนที่บ้านด้วยเอกสาร เช่น หนังสือแบบฝึกหัดใบงาน
  • On-Air คือ การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือครูตู้ โดยใช้สื่อของ DLTV เหมาะสำหรับนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด หรือขาดแคลนครู

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ จะเป็นการเปิดเทอมเต็มรูปแบบ โดยให้แต่ละโรงเรียนจัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม 5 รูปแบบดังกล่าว

สำหรับการเรียนที่โรงเรียน หรือ On-Site นั้น ให้ผู้บริหารของแต่ละโรงเรียน แต่ละพื้นที่ประเมินสถานการณ์ความพร้อม จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของพื้นที่การระบาดของตนเอง โดยต้องเน้นความปลอดภัยของเด็กเป็นหลัก ให้เด็กได้เรียนอย่างมีความสุข จัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ให้น่าสนใจ 

เช่นการเพิ่มเนื้อหาสาระเรื่องโควิด-19 เพื่อให้เด็กๆ รู้จักกับโควิด-19 มากขึ้น รวมถึงได้เรียนรู้การป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธี และจะมีการปรับวิธีการประเมินใหม่ให้เท่าทันกับสถานการณ์ด้วย

นอกจากนี้ ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบ มาตรการคลายล็อก หรือ มาตรการผ่อนคลาย ที่ศบค.เคยออกคำสั่ง เพื่อรองรับวันเปิดเทอม

ที่ระบุอยู่ใน "ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548  (ฉบับที่ 23 )"  ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่  15 พ.ค. 64 และมีผลบังคับใช้วันที่ 17 พ.ค. 64  ลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

โดยข้อกำหนดดังกล่าว มีการกำหนดพื้นที่สถานการณ์ ปรับระดับการกำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์ เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์ ดังนี้
 
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ได้แก่

  • กรุงเทพมหานคร
  • จังหวัดนนทบุรี
  • จังหวัดปทุมธานี
  • จังหวัดสมุทรปราการ 

โดยมีมาตรการสำหรับ โรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท ดังนี้

  • ให้งดใช้อาคารหรือสถานที่เพื่อการจัดการเรียนกรสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากและมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่ายทำให้เสี่ยงต่อการแพรโรค เว้นแต่เป็นกรณีที่กำหนดไว้ในข้อ  1 แห่งข้อกำหนด (ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564

โดยข้อ 1 ในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 20) การห้ามการดาเนินการหรือจัดกิจกรรมหรือที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 64 มีรายละเอียดดังนี้ 

  1. ห้ามการใช้อาคารหรือสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภทเพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากทำให้เสี่ยงต่อการแพร่โรค เว้นแต่การใช้เป็นที่เอกเทศตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือการใช้เป็นสถานที่เพื่อให้ความช่วยเหลืออุปการะ หรือการใช้สถานที่ตามข้อยกเว้นที่กำหนดไว้ในข้อ 1 ของข้อกำหนด (ฉบับที่ 16) ลงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2564 
  2. ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 50 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรค โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัด โดยคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณีกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่จัดกิจกรรม และสถานการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบ

 

พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 17 จังหวัดได้แก่

  1. จังหวัดกาญจนบุรี
  2. จังหวัดชลบุรี
  3. จังหวัดฉะเชิงเทรา
  4. จังหวัดตาก
  5. จังหวัดนครปฐม
  6. จังหวัดนครศรีธรรมราช
  7. จังหวัดนราธิวาส
  8. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  9. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  10. จังหวัดเพชรบุรี
  11. จังหวัดยะลา
  12. จังหวัดระนอง
  13. จังหวัดระยอง
  14. จังหวัดราชบุรี
  15. จังหวัดสงขลา
  16. จังหวัดสมุทรสาคร
  17. จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 
โดยมีมาตรการ สำหรับ โรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท ดังนี้ 

  • ให้สามารถใช้อาคารหรือสถานที่เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
  • ให้พิจารณาตามความจำเป็น  และดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัด โดยคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี
  • กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่จัดกิจกรรมและสถานการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบ

พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) รวม 56 จังหวัด ได้แก่

  1. จังหวัดกระบี่
  2. จังหวัดกาฬสินธุ์
  3. จังหวัดกำแพงเพชร
  4. จังหวัดขอนแก่น
  5. จังหวัดจันทบุรี
  6. จังหวัดชัยภูมิ
  7. จังหวัดชัยนาท
  8. จังหวัดชุมพร
  9. จังหวัดเชียงราย
  10. จังหวัดเชียงใหม่
  11. จังหวัดตรัง
  12. จังหวัดตราด
  13. จังหวัดนครนายก
  14. จังหวัดนครพนม
  15. จังหวัดนครราชสีมา
  16. จังหวัดนครสวรรค์
  17. จังหวัดน่าน
  18. จังหวัดหนองคาย
  19. จังหวัดปังกาฬ
  20. จังหวัดบุรีรัมย์
  21. จังหวัดปราจีนบุรี
  22. จังหวัดปัตตานี
  23. จังหวัดพังงา
  24. จังหวัดพัทลุง
  25. จังหวัดพะเยา
  26. จังหวัดพิจิตร
  27. จังหวัดพิษณุโลก
  28. จังหวัดเพชรบูรณ์
  29. จังหวัดแพร่
  30. จังหวัดภูเก็ต
  31. จังหวัดมหาสารคาม
  32. จังหวัดมุกดาหาร
  33. จังหวัดแม่ฮ่องสอน
  34. จังหวัดยโสธร
  35. จังหวัดร้อยเอ็ด
  36. จังหวัดลพบุรี
  37. จังหวัดลำปาง
  38. จังหวัดลำพูน
  39. จังหวัดเลย
  40. จังหวัดศรีสะเกษ
  41. จังหวัดสกลนคร
  42. จังหวัดสตุล
  43. จังหวัดสระแก้ว
  44. จังหวัดสระบุรี
  45. จังหวัดสมุทรสงคราม
  46. จังหวัดสิงห์บุรี
  47. จังหวัดสุโขทัย
  48. จังหวัดสุพรรณบุรี
  49. จังหวัดสุรินทร์
  50. จังหวัดหนองบัวลำภู
  51. จังหวัดอ่างทอง
  52. จังหวัดอุดรธานี
  53. จังหวัดอุตรดิตถ์
  54. จังหวัดอุทัยธานี
  55. จังหวัดอุบลราชธานี
  56. จังหวัดอำนาจเจริญ

โดยมีมาตรการ สำหรับ โรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท ดังนี้ 

  • ให้สามารถใช้อาคารสถานที่เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ได้ตามความเหมาะสมและความพร้อม
  • ให้ดำเนินการตามคำแนะนำของทางราชการและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :