ศบศ.เคาะ 5.1 หมื่นลบ.แจกเงิน"คนละครึ่ง"-เติมเงินบัตรคนจน 500 บาท 3 เดือน

16 ก.ย. 2563 | 08:37 น.

ศบศ. เคาะวงเงิน 5.1 หมื่นลบ. แจกเงิน"คนละครึ่ง" เป้าหมาย 10 ล้านคน เปิดลงทะเบียน 16 ต.ค.นี้ พร้อมอนุมัติวงเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาท/คน เป็นเวลา 3 เดือน

 

วันที่ 16 กันยายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบศ. ครั้งที่ 3/2563  อนุมัติหลักการ มาตรการรักษาระดับการบริโภคในประเทศ วงเงินรวม 51,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนระดับฐานราก

 

มาตรการดังกล่าวแบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท เปิดให้ผู้มีสิทธิ์ อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 10 ล้านคน เริ่มลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com  ได้ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม และเริ่มใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์วันที่ 23 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 โดยรัฐบาลจะสมทบการใช้จ่ายให้สูงสุดวันละ 100 บาทต่อวัน ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ

 

 

สำหรับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ใช่ร้านค้าสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจเฟรนไชส์ มีกลุ่มเป้าหมายร้านค้าจำนวนประมาณ 100,000 ร้าน โดยร้านค้าสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 หรือแจ้งผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย

 

2.เพิ่มวงเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 21,000 ล้านบาท จำนวน 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท โดยจะได้รับเพิ่มคนละ 500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในมาตรการนี้จะเป็นเงินที่ดึงมาจากงบฟื้นฟูฯ 400,000 ล้านบาท โดยจะเสนอขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า  

 

 

ด้าน นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะ ผู้ช่วยเลขานุการ ศบศ. ระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอให้มีการปรับปรุงเงื่อนไขสมาร์ทวีซ่า เพื่อดึงนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาในไทย โดยให้ปรับปรุงเงื่อนไขเชื่อมโยงกับการลงทุน และการถือครองหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว และให้นำรายละเอียดกลับมาเสนอในที่ประชุม ศบศ.อีกครั้ง

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ ศบค.พิจารณาเงื่อนไขและกำหนดกลุ่มนักธุรกิจที่จะเข้ามาได้เฉพาะกลุ่ม และที่ประชุมให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับเงื่อนไขของบัตรอีลิทคาร์ด สำหรับนักท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงกับการลงทุนเพิ่มขึ้น