ดร.ศศิวิมล ยังกล่าวอีกว่า สำหรับผู้หญิงไทยที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปนั้น ไม่เพียงแค่จะชะลอการแต่งงานให้ช้าลงเท่านั้น แต่มีแนวโน้มที่จะอยู่เป็นโสดตลอดไปเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยงานวิจัยที่ผ่านมาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Gold miss” และพบว่าเกิดปรากฏการณ์นี้ในประเทศพัฒนาแล้วในทวีปเอเชียหลาย ๆ ประเทศ เช่น เกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งปรากฏการณ์ “Gold miss” นี้มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากรูปแบบทางสังคมและวัฒนธรรมของประเทศในทวีปเอเชียเหล่านี้ ที่คาดหวังให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วต้องรับผิดชอบทั้งการดูแลครอบครัวในฐานะแม่บ้าน และการทำงานนอกบ้านเพื่อหารายได้ไปพร้อม ๆ กัน โดยความคาดหวังของสังคมที่มีต่อผู้หญิงนี้ ทำให้ผู้หญิงในทวีปเอเชียโดยเฉพาะกลุ่มที่มีการศึกษาสูงเลือกที่จะให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวมากกว่าการแต่งงานมีครอบครัวและมีแนวโน้มที่จะอยู่เป็นโสดมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบอีกว่า ผู้หญิงไทยที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีโอกาสที่จะแต่งงานลดลง 14% เมื่อเทียบกับผู้หญิงไทยที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมหรือต่ำกว่า และหากผู้หญิงไทยกลุ่มนี้แต่งงานจะมีจำนวนลูกที่น้อยกว่ากลุ่มอื่น โดยผู้หญิงไทยที่มีระดับการศึกษาที่สูงขึ้น 1 ปี มีแนวโน้มที่จะมีลูกลดลง 10% ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งของอัตราการเกิดที่ลดลงในประเทศไทย และปัญหาที่จะตามมาในอนาคต คือ การขาดแคลนกำลังแรงงานของประเทศ
ดังนั้น ภาครัฐควรเพิ่มนโยบายสนับสนุนสถาบันครอบครัวอย่างเร่งด่วนและจริงจัง ผ่านนโยบายกระตุ้นการแต่งงานและการมีลูกอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นระบบดังเช่นในบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ ที่ให้ความสำคัญตั้งแต่การเริ่มต้นชีวิตคู่ การมีลูก การเลี้ยงดูลูก โดยมีมาตรการสนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งเงินทุนสนับสนุนและการลดหย่อนภาษี เป็นต้น