รถยนต์สีอะไร ขายดีที่สุดในโลก

20 ธ.ค. 2563 | 03:15 น.

แอ็กซอลตา เปิดเผย สีรถยนต์ขายดี หรือ สีที่ได้รับความนิยม มากที่สุด จากผลสำรวจจากโรงงานผลิตทั่วโลก

ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ พัฒนาเทคโนโลยีด้านระบบขับเคลื่อน และเรื่องของวัสดุศาสตร์ ให้มีประสิทธิผล และประสิทธิภาพ โดยโครงสร้างใหม่ หมายรวมถึงแพลตฟอร์ม ต้องแข็งแกร่ง นํ้าหนักเบา และยืดหยุ่นในการเป็นพื้นฐานพัฒนารถได้หลายรูปแบบตัวถัง ขณะที่ความสวยงามภายนอก ปฏิเสธไม่ได้ว่า สีสันตัวถังหลากหลายที่นำมาใช้ และมีเฉดสีใหม่ๆ ให้เห็นตลอด

แอ็กซอลตา ผู้ผลิตสีรถยนต์ระดับโลก เปิดเผยรายงานเรื่อง สีรถยนต์ยอดนิยมในปี 2020 โดยเก็บข้อมูลจากโรงงานผลิตรถยนต์ในหลายประเทศทั่วโลก ระบุว่า สีขาวยังคงเป็นสียอดนิยมทั่วโลก และผู้ผลิตรถยนต์ถึง 81% ใช้สีโทนกลาง ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเทา และสีเงิน

แม้หลายประเทศมีความนิยมเปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีเทา เนื่องจากสีเทาดูทันสมัยและหรูหรา ขณะที่เทรนด์สีเขียวและสีนํ้าเงิน เหมือนกับเทรนด์สีบ้านและแฟชั่น มีให้เห็นมากขึ้น

รถยนต์สีอะไร ขายดีที่สุดในโลก

“ปัจจุบัน เทรนด์สีรถยนต์ ยังเกี่ยวพันกับเทรนด์สีบ้าน แฟชั่น และผลิตภัณฑ์อีกด้วย รวมไปถึงสีเขียวนํ้าเงิน และสีเขียวเหลือง การใช้สีเทาที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกทำให้สีในโทนนี้เกี่ยวเนื่องกับชีวิตประจำวัน รวมถึงความประกายของเกล็ดสี” นายแนนซี ล็อกฮาร์ท ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ด้านสี แอ็กซอลตา กล่าว

สำหรับ สีรถยนต์ที่ได้รับความนิยม ตามลำดับ ดังนี้ สีขาว (38%) สีดำ (19%) และสีเทา (15%) สีเทาเพิ่มขึ้น 2% ทั่วโลก และได้รับความนิยมต่อเนื่องมาถึง 10 ปี

ทั้งนี้ มีการซื้อรถสีขาวทั่วโลกต่อเนื่อง 10 ปี ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา คิดเป็น 38% ในตลาดรถยนต์ ขณะที่สีเงินได้รับความนิยมลดลงทั่วโลก และปัจจุบันมีเพียง 9% สีดำยังคงได้รับความนิยมดังเดิมและมักใช้ในกลุ่มรถหรู

รถยนต์สีอะไร ขายดีที่สุดในโลก

“เทรนด์การซื้อของลูกค้าทำให้เรามีการพัฒนานวัตกรรมสูตรสีได้ในอนาคต ซึ่งเรามีความยินดีที่ได้เผยแพร่ข้อมูลแก่ลูกค้า และแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสีพ่นรถยนต์ระดับโลก ข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์ที่มีกับลูกค้า และข้อมูลเทรนด์สีที่ได้ ทำให้เราพัฒนาสูตรสีได้อย่างหลากหลายและตอบโจทย์ในทุกความต้องการ” นายล็อกฮาร์ท กล่าวสรุป

รายงาน สีรถยนต์ยอดนิยม เก็บข้อมูลจากการวิเคราะห์ของแอ็กซอลตา ปี 2020 ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้เทรนด์ตลาดสีรถยนต์ในตลาด โดยแอ็กซอลตาได้เริ่มรายงานตั้งแต่ปี 1953 จนถึงปัจจุบัน 

ที่มา Axalta 

 

หน้า 18หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,637 วันที่ 20 - 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563