ตะบันม้า 800 ตัวที่มาราเนลโล เฟอร์รารี่ 812 ซูเปอร์ฟาสต์

07 ก.ค. 2560 | 05:30 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

มหาอำนาจแห่งพลังที่ถูกบริหารจัดการเรี่ยวแรงลงสู่พื้นถนนได้อย่างเฉียบคม และแฝงความเป็นตัวตน บนเสน่ห์อันน่าหลงใหลกับรถยนต์แบบ “จีที” (แกรนด์ ทัวเรอร์) พร้อมเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศ วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งเป็นแนวคิดที่แน่วแน่และยังแน่นอนตามสไตล์ของ “เฟอร์รารี่”

MP37-3276-5 “เอ็นโซ่ เฟอร์รารี่” เคยกล่าวว่า “รถเฟอร์รารี่ที่ดีที่สุดยังไม่ได้ถูกผลิตขึ้น” (ผมเห็นแสดงอยู่บนกำแพงในพิพิธภัณฑ์ที่มาราเนลโล) คำพูดนี้แฝงปรัชญาซึ่งมีพลังแฝงมหาศาลต่อทีมงานที่พัฒนาเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ๆ และสร้างความอยากได้ใคร่เป็นเจ้าของแก่ลูกค้าแบรนด์ม้าลำพองทั่วโลก

“812 ซูเปอร์ฟาสต์” (812 Superfast) คือผลผลิตล่าสุดของเฟอร์รารี่ ผมไม่รู้ว่านี่เป็นรถดีที่สุดของค่ายนี้หรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามันขยับใช่ใกล้เคียงกับการเป็นสุดยอดรถแกรนด์ทัวเรอร์ของโลก ด้วยเครื่องยนต์ วี12 ขนาด 6.5 ลิตร ไม่พึ่งพาเทอร์โบ รีดแรงได้ถึง 800 แรงม้า โดยเฟอร์รารี่ยืนยันว่านี่คือรถเครื่องยนต์วางหน้าที่แรงที่สุดตั้งแต่พวกเขาเคยผลิตผลิตมา(ไม่นับรุ่นพิเศษ หรือพวกเครื่องยนต์ วี12 วางกลางลำอย่าง เช่น“ลา เฟอร์รารี่”)

MP37-3276-6 3LOR6214 สัปดาห์ก่อน “คาวาลิโน มอเตอร์” ตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดย “นันทมาลี ภิรมย์ภักดี” กรรมการผู้จัดการ เชิญผมให้ไปลองขับ “812 ซูเปอร์ฟาสต์” ถึงบ้านเกิดที่เมืองโมาลาเนลโล ประเทศอิตาลี

สำหรับ 812 ซูเปอร์ฟาสต์ ใช้เครื่องยนต์ วี12 ที่พัฒนาต่อยอดมาจากบล็อกเดิมของ “เอฟ12 เบอร์ลิเนตต้า” โดยชิ้นส่วนเครื่องยนต์ 75% เป็นของใหม่ พร้อมขยับความจุกระบอกสูบเป็น 6.5 ลิตร(เดิม 6.3 ลิตร) และปรับปรุงเพลาข้อเหวี่ยง ออกแบบลูกสูบและก้านลูกสูบใหม่ ทางเดินไอดี ระบบฉีดจ่ายน้ำมัน หวังให้ระบบการจุดระเบิดสมบูรณ์แบบมากขึ้น สุดท้ายได้แรงม้าเพิ่มจากเดิม 60 ตัว

MP37-3276-3 ขณะที่อัตราส่วนกำลังต่อขนาดเครื่องยนต์เพิ่มเป็น 124 แรงม้าต่อลิตร บวกขีดความสามารถขึ้นไปแตะเรดไลน์ 8,900 รอบต่อนาที (เอฟ12 เบอร์ลิเนตต้า ทำได้สูงสุด 8,700 รอบต่อนาที) แต่สวนทางกับอัตราปล่อยไอเสียลดลง จาก 360 กรัม/กม.เหลือ 340 กรัม/กม.

ประสิทธิผลเหล่านี้ถูกส่งกำลังลงสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัทช์ 7 สปีด ที่ปรับอัตราทดให้สั้นลง ตอบสนองเร็วขึ้น 30% ทั้งจังหวะชิฟต์อัพและชิฟต์ดาวน์

การลองขับบนถนนจริง ผมใช้โหมดสปอร์ตเป็นหลัก (มีโหมดเรซ และ ซีทีออฟ และอีเอสซี ออฟ ที่จะปรับสมรรถนะให้โหดขึ้นตามลำดับ) พบว่าการปล่อยให้รถปรับตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติ การตอบสนองในภาพรวมยังนุ่มพอสมควร (ขึ้นอยู่กับการลงน้ำหนักเท้าด้วย) จังหวะกระโชกกระชากไม่หนักหน่วงอย่างที่คิด

เช่นเดียวกับการหันมาใช้พวงมาลัยแบบผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (ครั้งแรกของเฟอร์รารี่) ควบคุมได้สบายมือ ขับในเมืองความเร็วต่ำไม่ต้องใช้แรงเอี้ยวเลี้ยวมาก แต่ยังคงนิ่งและสั่งงานแม่นยำบนความเร็วสูง

แม้ในโหมดเรซ(Race) ที่ปรับบุคลิกการขับขี่และช่วงล่างให้ดุดัน ทว่าหากคุณต้องการความแรงบนช่วงล่างนุ่มเนียนตามโหมดเวต(WET) สามารถกดปุ่มบนพวงมาลัยเพื่อสั่งโช้คอัพแม่เหล็กไฟฟ้าปรับตัวให้ประณีประนอมกับพื้นถนนได้ ซึ่งผมลองแล้วรู้สึกว่าอาการสะเทือนลดลงจริงแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม (ก็ล้อโหดขนาด 20 นิ้ว)

MP37-3276-7 ในสนามทดสอบที่มาราเนลโล 812 ซูเปอร์ฟาสต์ ยังปรับอารมณ์ได้อย่างหึกเหิม เมื่อคุณใช้การเปลี่ยนเกียร์ที่แพดเดิลชิฟท์ ลากรอบสูงๆ สัมผัสการกระชาก “ปัง ปัง” เร่งเร้าได้ทุกเกียร์ ขณะที่เสียงเครื่องยนต์และท่อไอเสีย กรีดร้องในทำนองไพเราะโทนทุ้มต่ำ

ตัวรถยาว 4.65 เมตร พร้อมการกระจายน้ำหนักหน้า-หลัง 47% - 53% จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ตำแหน่งนั่งเตี้ยๆ มั่งคงและพุ่งพลิ้ว สัมผัสอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.เพียงอึดใจ สุดทางตรงของสนามทดสอบแห่งนี้ ผมมีโอกาสซัดความเร็วได้เกือบ 200 กม./ชม.(บางคนอาจจะเร็วกว่านี้)

นอกจากนี้ เฟอร์รารี่ยังภูมิใจเรื่องการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ จัดการอากาศไหลผ่านใต้ท้องรถ แรงกดด้านบน พร้อมออกแบบสปอยเลอร์หลังให้สูงขึ้นอีก 30 มม.เมื่อเทียบกับ “เอฟ12 เบอร์ลิเนตต้า”

MP37-3276-1 ส่วนภายในที่ใครเคยบ่นว่าเชย เมื่อเจอการออกแบบใหม่ของ “812 ซูเปอร์ฟาสต์” ที่เฉียบขาด ทั้งพวงมาลัย(เหมือนรุ่นจีทีซี4 ลุสโซ) เบาะนั่ง ช่องแอร์ หน้าจอแสดงผล และปุ่มควบคุม ถูกยกชุดใหม่ทั้งหมด

MP37-3276-4 ด้านจอแสดงผลหลังพวงมาลัยเป็นแบบฟูลเอชดีขนาด 5 นิ้ว แบ่งเป็นช่องซ้าย-ขวา (จอกลมใหญ่ตรงกลางเป็นรอบเครื่องยนต์และแสดงตำแหน่งเกียร์) แสดงความเร็ว และระบบการทำงานต่างๆของรถ รวมถึงเชื่อมต่อความบันเทิงกับแอปเปิลคาร์เพลย์ นอกจากนี้ยังมีจอทัชสกรีนขนาด 8.8 นิ้ว รูปทรงเหมือนไม่บรรทัด แยกฝังอยู่ตรงหน้าผู้โดยสารอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อาจจะด้วยความไม่คุ้นชิ้น ส่วนตัวผมยังคิดว่าการสั่งงานรวมๆใช้งานยากไปนิด เมื่อเทียบกับปุ่มควบคุมหรือตรรกะของฟังก์ชันใช้งานในรถหรูทั่วไป(ด้วยพื้นที่จำกัดตามสไตล์รถสปอร์ตและต้องควบคุมน้ำหนัก)

รวบรัดตัดความ...ดุดัน หึกเหิม เพิ่มเติมคือความสบายตัว ซึ่งรถคันนี้ไม่ใช่รุ่นพิเศษ คุณมีเงินสามารถสั่งซื้อได้กับสปอร์ตคาร์ที่นานวันยิ่งเลอค่า พิจารณาเส้นสายสวยงามแบบไร้กาลเวลา อันต่างจากความเกรี้ยวกราดบาดคมของแบรนด์กระทิงเปลี่ยว(ซูเปอร์คาร์สัญชาติอิตาลีเจ้าของเยอรมัน) โดย “812 ซูเปอร์ฟาสต์” เตรียมเดินทางมาเปิดตัวในเมืองไทยช่วงสิงหาคมนี้ ส่วนราคาขายน่าจะรู้กันอยู่ว่าเกิน 30 ล้านบาท

MP37-3276-2 5LOR7764 E67B2756 **รู้จักปู่ซูเปอร์ฟาสต์
ในโอกาสเยือนบ้านเกิดของเฟอร์รารี ที่มาลาเนลโล ผมได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวและคุณค่าของสปอร์ตคาร์แบรนด์ดังจากอิตาลีไว้อย่างครบถ้วน โดยนำเสนอผ่านรถยนต์รุ่นต่างๆ พรีเซนเทชัน และคำพูดเด็ดๆของ “เอ็นโซ่ เฟอร์รารี” ผู้ก่อตั้ง (เสียชีวิตปี สิงหาคม 1988) ที่ประทับอยู่บนข้างฝาทั่วพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

MP37-3276-B ผมยังสะดุดตากับคลาสสิกคาร์รุ่นหนึ่งคือ 500 Superfast แน่นอนว่าเป็นชื่อเดียวกับ 812 Superfast ที่ได้ลองขับโดยคุณปู่ของ 812 เคยทำตลาดในปี 1964-1966 เป็นรถแบบคูเป้ที่ทำออกมาจำนวนจำกัด 37 คัน (ซีรีส์แรกผลิต 25 คัน และซีรีส์ที่สองผลิต 12 คัน) ในจำนวนนี้เป็นรุ่นพวงมาลัยขวา 8 คัน ขุมพลังแบบ วี12 ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 280 กม./ชม. เรียกว่าสมัยนั้นก็คือจรวดทางเรียบดีๆ นี่เอง

ใครสนใจไปเยี่ยมชมคุณปู่ 500 Superfast และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ที่เมืองมาราเนลโล ประเทศอิตาลี เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 9:30 -19:00 น.

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,276 วันที่ 6 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560