เคแบงก์ลุยออกบัตรชิปการ์ด ยันตู้ATMพร้อมรองรับ/คาดสิ้นปีลูกค้าเปลี่ยน 2 ล้านใบ

13 พ.ค. 2559 | 06:00 น.
กสิกรไทยประกาศอัพเกรดตู้เอทีเอ็ม 1.2 หมื่นเครื่องทั่วประเทศ พร้อมออกบัตรเดบิตชิปการ์ด 3 รูปแบบใหม่ ส่งเสริม e-Payment ไทย เน้นความปลอดภัยสูง-สิทธิประโยชน์เพียบ คาดปีนี้ลูกค้าเปลี่ยนบัตรแถบแม่เหล็กเป็นชิปการ์ด 2 ล้านใบ จากฐานบัตรที่มีอยู่กว่า 10 ล้านใบ ฟุ้งครองอันดับ 1 ยอดใช้ผ่านบัตรเดบิตสูงสุดแตะ 4.5 หมื่นล้านบาท จากทั้งระบบอยู่ที่ 1.08 แสนล้านบาท

นางนพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้ทยอยปรับปรุงเอทีเอ็มทั่วประเทศประมาณ 1.2 หมื่นเครื่อง ให้สามารถรองรับการใช้งานของบัตรเดบิตในรูปแบบชิปการ์ดจากทุกธนาคาร และได้ออกบัตรเดบิตแบบชิปการ์ดใหม่ 3 แบบ ที่มีความปลอดภัยสูงในการทำธุรกรรมผ่านเครื่องเอทีเอ็ม และการซื้อของผ่านร้านค้าทั่วไป ร้านค้าออนไลน์ทั่วโลก ซึ่งจะช่วยพัฒนาระบบชำระเงินของไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และวางพื้นฐานสู่การส่งเสริมการชำระเงินในรูปแบบ e-Payment เพื่อลดการใช้เงินสดตามนโยบายของรัฐบาล

ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าผู้ถือบัตรเอทีเอ็มและเดบิตรวมกว่า 10 ล้านใบ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ประมาณ 17% จากผู้ถือบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตในไทยทั้งหมด 60 ล้านใบ โดยธนาคารมีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต (Spending) ประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ถือเป็นอันดับที่ 1 ในตลาดที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตอยู่ที่ 1.08 แสนล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบัตรเดบิตกสิกรไทยมุ่งใช้กลยุทธ์รูปแบบ "ยูนิเวอร์แซล เดบิต การ์ด" (Universal Debit Card) คือใช้บัตรเดบิตเพียงบัตรเดียวได้ในทุกที่และทุกเรื่อง ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้ชิปการ์ดที่มีความปลอดภัยสูงน่าจะช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะมีลูกค้าเปลี่ยนบัตรเป็นแบบชิปการ์ดในปีนี้ประมาณ 2 ล้านใบ อย่างไรก็ตามลูกค้าที่ถือบัตรเดบิตแบบแถบแม่เหล็กก็ยังคงใช้บัตรเดิมได้ตามปกติจนกว่าบัตรจะหมดอายุ

ทั้งนี้ บัตรเดบิตชิปการ์ด 3 รูปแบบ ได้แก่ บัตรเดบิต K-Debit Card เป็นบัตรที่สามารถทำธุรกรรมได้ที่เครื่องเอทีเอ็ม ใช้ซื้อสินค้าในร้านค้า และช้อปออนไลน์ได้ทั่วโลก บัตรเดบิต K-My Play บัตรสำหรับชีวิตสุดล้ำ ให้ สนุกกับความบันเทิงออนไลน์ ผ่าน 3 แอพพลิเคชันดัง รวมมูลค่ากว่า 400 บาท ได้ฟรี 1 เดือน และรับส่วนลด 15 – 30% ในเดือนถัดไป และบัตรเดบิต K-Max Plus ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุเต็มแม็กซ์กับค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 5,000 บาทต่ออุบัติเหตุ 1 ครั้ง โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง เงินชดเชยกรณีรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากอุบัติเหตุสูงสุดวันละ 300 บาท (30 วันต่ออุบัติเหตุ 1 ครั้ง) และคุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุสูงสุด 200,000 บาท และทุกบัตรยังได้รับสิทธิประโยชน์จากกิจกรรมส่งเสริมการขายจากบัตรเดบิตกสิกรไทยต่อเนื่องตลอดทั้งปี

ขณะเดียวกัน บัตรดังกล่าวยังมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล โดยข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในชิปที่ป้องกันการถูกคัดลอกข้อมูลหรือสกิมมิ่ง พร้อมเพิ่มรหัสพิน (PIN) จาก 4 หลัก เป็น 6 หลัก และใช้งานได้สะดวกทุกช่องทาง ทั้งธุรกรรมถอนโอนจ่ายผ่านเครื่องเอทีเอ็มได้ทุกเครื่องที่รองรับบัตรชิปการ์ดตามมาตรฐานวีซ่า (VISA) ทั่วโลก ซื้อสินค้าผ่านเครื่องรับบัตร (EDC) ช้อปออนไลน์โดยใช้ข้อมูลบัตร และยืนยันด้วยรหัส OTP (One Time Password)

"สำหรับลูกค้าที่สนใจเปลี่ยนบัตรเดบิตจากแบบแถบแม่เหล็กเป็นชิปการ์ด สามารถติดต่อที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาทั่วประเทศได้ตั้งแต่วันนี้ โดยจะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้า และเสียเฉพาะค่าธรรมเนียมรายปีตามประเภทของบัตร และในปีนี้ธนาคารได้เพิ่มสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับบัตรเดบิตกสิกรไทย K-My Play และ K-Max Plus ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,156 วันที่ 12 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559