"อมตะ" มองการลงทุนไตรมาสแรกปีนี้สดใส นักลงทุนต่างชาติแห่เข้าดูพื้นที่ลงทุน มีทั้งลูกค้ารายเก่าที่ต้องการขยายโรงงาน และรายใหม่ มีทั้ง ญี่ปุ่น จีนและเกาหลี สนใจลงทุนด้านการขนส่ง โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมยางพารา หนุนนโยบายคลัสเตอร์ เผยเร็วๆ นี้เตรียมเซ็นสัญญาขายพื้นที่ล็อตใหญ่ 400-500 ไร่ คาดทั้งปีเป็นไปตามเป้าที่ 1 พันไร่
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ มีทิศทางที่เติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์ ที่ต้องการให้นักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ น่าจะช่วยให้นักลงทุนเกิดการตื่นตัวหรือจูงใจให้เข้ามาลงทุนเพิ่มได้มากขึ้น
ดังนั้นจากแรงกระตุ้นดังกล่าว อมตะจึงมั่นใจว่าในปีนี้จะมียอดขายที่ดินของปีนี้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยวางเป้าหมายไว้ที่ประมาณ 900-1,000 ไร่ จากกลุ่มลูกค้ารายเดิมที่ต้องการ ขยายพื้นที่โรงงานแห่งที่ 2 และลูกค้ารายใหม่ที่สนใจเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ที่มีกลุ่มนักลงทุนจีน ญี่ปุ่น อยู่แล้ว จะมีกลุ่มนักลงทุนใหม่ๆ เช่น เกาหลี เข้ามาลงทุน เป็นต้น
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ามาส่วนใหญ่ในขณะนี้ จะอยู่ในกลุ่มธุรกิจด้านการขนส่ง โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมยาง เป็นต้น ซึ่งมีสัญญาณการลงทุนที่ดี ตามนโยบายการสนับสนุนคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของรัฐบาล ทำให้นักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง และอุตสาหกรรมดังกล่าวยังจะสามารถเชื่อมโยงการลงทุนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้ง 2 แห่งอยู่แล้ว
นายวิบูลย์กล่าวอีกว่า การที่อมตะมั่นใจยอดขายที่ดินจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้นั้น เนื่องจากภายในเร็วๆ นี้ จะมีการเซ็นสัญญาที่จะใช้พื้นที่ประกอบการอุตสาหกรรมประมาณ 400 - 500 ไร่ ซึ่งได้มีนักลงทุนเข้ามาศึกษาพื้นที่ และเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจากประเทศจีน ในหลายมณฑล ซึ่งอมตะได้มีการจัดโซนพื้นที่การลงทุนสำหรับนักลงทุนจีนไว้แล้ว ทำให้นักลงทุนจีนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นที่จะตัดสินใจลงทุน ประกอบกับรัฐบาลจีนมีความเชื่อมั่นและให้การสนับสนุนด้านการลงทุนในต่างประเทศด้วยเช่นกัน
"นโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ มองว่าเป็นผลดีแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการย้ายฐานหรือการดึงดูดนักลงทุนที่ลงทุนอยู่ในนิคม อยู่แล้ว แต่มองว่าเป็นปัจจัยเกื้อหนุนการลงทุนซึ่งกันและกันในรูปแบบของคลัสเตอร์บางอุตสาหกรรม แต่สำหรับนิคมฯอมตะนคร และนิคมฯอมตะซิตี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
ดังนั้นการลงทุนสำหรับคลัสเตอร์อุตฯยานยนต์จะอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกมากกว่า ส่วนการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษจะเป็นรูปแบบของอุตสาหกรรมที่ต้องใช้วัตถุดิบในพื้นที่ในการใช้เพื่อการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมเพื่อการอุปโภค-บริโภค อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เป็นส่วนใหญ่"
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 จะมีสัญญาณการลงทุนที่เป็นบวก มีลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงไฮซีซันของการลงทุนในนิคมที่นักลงทุนจะเริ่มมองหาพื้นที่การลงทุนใหม่ๆ ตามนโยบายของบริษัทที่ได้มีการวางแผนไว้แล้ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559