ทองคำจะขึ้นต่อหรือไม่?

22 พ.ค. 2564 | 22:55 น.

ทองคำจะขึ้นต่อหรือไม่? คอลัมน์ครบเครื่องเรื่องทองกับ MTS Gold แม่ทองสุก

เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา บริษัท MTS GOLDแม่ทองสุก ได้วิเคราะห์ทิศทางราคาทองคำช่วงไตรมาส่2/64 ว่า ราคาทองคำเริ่มกลับหัวขึ้นมาหลังจากที่ดิ่งลงมาตลอด 3 เดือนแรกของปีนี้ ราคาทองคำปรับตัวลงมาทำตํ่าสุดบริเวณ 1,676 เหรียญโดยประมาณ และช่วงต้นเดือนเม.ย. ราคาเริ่มฟอร์มฐานและดีดกลับขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ราคายืนเหนือ 1,730 เหรียญได้อย่างมั่นคง ทำให้ภาพรวมช่วงกลางเดือนเม.ย.เป็นต้นมา ราคาทองคำเริ่มเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นในระยะกลางขึ้นไป

หมายความว่า นักลงทุนระยะกลางเริ่มสามารถทำกำไรได้มากขึ้น และโอกาสที่ราคาทองคำจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นโดยสมบูรณ์น่าจะมีสูงมาก โดยเฉพาะเมื่อราคาทองคำเริ่มมายืนเหนือ 1,800 เหรียญได้ และสิ่งที่เราวิเคราะห์ไว้ก็ได้เกิดขึ้นจริง ซึ่ง ณ วันที่เขียน(18พ.ค.64) ราคาทองคำสามารถกลับมายืนได้ เหนือระดับ1,870 เหรียญ

จุดที่น่าสนใจของทองคำที่ต่างจาก Bitcoin ในเวลานี้ คือ นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) ที่มีหลักการที่ทั่วโลกยอมรับ เกี่ยวกับผลกระทบของค่าเงินในทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ รวมถึงปัจจัยทาง Technical วิเคราะห์ประกอบกันไป ขณะที่การปรับขึ้นลงของ Bitcoin ไม่มีเหตุของปัจจัยพื้นฐานที่สามารถรองรับและเป็นที่ยอมรับได้ว่าคืออะไร เพียงแต่มีความคิดว่า ของมีจำนวนจำกัด ขณะที่ Supply มีจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเรื่องของ Social Marketing ผ่านระบบ Digital Online

สำหรับนิยามทองคำที่ว่า “ทองคำนิยมใช้เพื่อเก็งกำไร” จะหมายถึง การเก็งกำไรในสินทรัพย์ประเภท “ทองคำ” ที่ต้องการหวังผลตอบแทนในระยะสั้นๆ จากการทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องอาศัย 2ปัจจัยคือ “จังหวะในการเข้าซื้อหรือขาย” และ “โอกาสจากการแกว่งตัวของตลาด” และการลงทุนลักษณะนี้ จะเป็นการลงทุนที่มีเวลาลงทุนไม่มากหรือเป็นการลงทุนสั้นๆ เพื่อทำกำไรได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง

ทองคำจะขึ้นต่อหรือไม่?

ความหมายของ“การลงทุน” ที่แท้จริงของนักลงทุน ต้องเข้าใจในบริบทว่า การลงทุนในอดีตที่เป็นโลกแบบ Analog มักจะหวังผลตอบแทนระยะยาว ที่อาจใช้เวลา 1, 2หรือ 3 ปี หรือแม้แต่ 5-10 ปี แต่การลงทุนในโลกยุคปัจจุบัน มักจะหวังผลตอบแทนที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่เรียกว่า โลกยุค Digitalization หรือ Globalization จะเห็นการแกว่งตัวของราคาที่รวดเร็วมากขึ้นกว่าในอดีต รวมถึงพฤติกรรมของนักลงทุนที่เปลี่ยนมาคาดหวังที่จะได้รับผลตอบแทนที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำตลอดเดือนพ.ค.เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ เนื่องจากตลาดเป็นแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งจะทำให้การลงทุนเป็นไปได้อย่างไม่ยากนัก และนักลงทุนจะต้องติดตามปัจจัยที่สำคัญ คือ “ภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ” โดยเดือนพ.ค.คาดว่า ยังไม่มีอะไรใหม่และไม่มีปัจจัยกดดัน รวมทั้งการจะขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ดังนั้นในเชิงการลงทุน จึงใช้กลยุทธ์แบบ “ทิศทางขาขึ้น” ที่เป็นลักษณะ Buy on dips, Sell on rallies ที่แปลเป็นไทยว่า ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวและขายทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นนั่นเอง 

สำหรับเป้าหมายการทำกำไรระยะสั้นหรือช่วงสิ้นเดือนพ.ค.นี้ น่าจะมีระดับแถว 1,900 เหรียญ (ขณะที่เขียนอยู่นี้ราคาอยู่ที่1,870 เหรียญ) และความคาดหวังเป้าหมายระยะกลางในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า จะอยู่ระดับ 1,930 เหรียญ ที่เป็นจุดสูงสุดเดิม ที่เคยสร้างฐานไว้ครั้งแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้วและสามารถ Break จุดดังกล่าวในปี 2020 ที่ผ่านมา ไปทำสูงสุดประวัติการณ์ที่ 2,075 เหรียญช่วงต้นเดือนส.ค.ของปี 2020

สำหรับราคาทองคำไทย ค่อนข้างน่าสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากมีปัจจัยเกื้อหนุนคือ การอ่อนค่าของเงินบาท นักลงทุนในทองคำคงจะเข้าใจได้ดีว่า เวลาที่ดอลลาร์อ่อนค่า เงินบาทย่อมต้องแข็งค่า ซึ่งเป็น Logic ที่นักลงทุนทั่วไปเข้าใจได้ดี แต่ในเดือนพ.ค.ที่เกิดขึ้นเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง แม้ดอลลาร์จะอ่อน ผลจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจาก Covid-19 กดดันให้จีดีพีไทยปี 2564 น่าจะเติบโตตํ่ากว่า 2% (วิเคราะห์ตามการคาดหมายของธปท. นั่นเอง)

สรุปได้ว่า การลงทุนในทองคำน่าสนใจและมีการลงทุนในทิศทางขาขึ้น โดยจะมีเป้าหมายสำคัญที่1,900 เหรียญ และระยะกลาง 1,930 เหรียญนั่นเอง จึงขออำนวยพรให้นักลงทุนในทองคำไทย ได้มีความสุขกับการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในราคาทองคำไทยที่น่าจะมีโอกาสเห็นราคามีโอกาสขยับใกล้ 28,500 บาท/บาททองคำได้ในเร็วๆนี้

คอลัมน์ครบเครื่องเรื่องทองกับ MTS Gold แม่ทองสุก

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,681 วันที่ 23 - 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564