การลงทุนในความยั่งยืน ในประเทศไทย

17 พ.ค. 2564 | 19:10 น.

เมื่อเราพูดถึงการลงทุนที่เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ที่จะเสริมความมั่งคั่งให้กับแผนการลงทุนของเราในระยะยาว รูปแบบกลยุทธ์การลงทุนในความยั่งยืน (Sustainable Investing) ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนที่เน้นเรื่องการสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ส่งผลต่อความอยู่รอดและความสามารถในการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว 

นักลงทุนอาจสงสัยว่า เทรนด์ของความนิยมเรื่องการลงทุนในความยั่งยืนในไทยเกิดขึ้นได้อย่างไร? หนึ่งในพลวัตที่สำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนในความยั่งยืนในไทยก็คงหนีไม่พ้น เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) โครงการความร่วมมือในระดับนานาชาติที่เกิดขึ้นในปี 2558 จากการประชุมองค์การสหประชาชาติ ซึ่งมีการเสนอวาระการพัฒนาระดับโลก เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการบรรลุเป้าหมายในปี พ.ศ. 2579 ซึ่งประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามรับรองวาระการพัฒนานั้นเช่นกัน 

อีกหนึ่งพลวัตที่ส่งเสริมให้เกิดกระแสนิยมการลงทุนในความอย่างยืนในไทย มาจากแนวโน้มการเติบโตของการลงทุนในกลยุทธ์ดังกล่าวในระดับโลก ผลักดันให้เกิดดัชนีที่สะท้อนผลตอบแทนจากการลงทุนที่คำนึงถึงปัจจัย ESG Factors (ESG Investing) ในระดับโลก อาทิ เช่น Dow jones Sustainability Index (DJSI), MSCI ESG Index Series, FTSE4Good Index Series เกิดเป็นการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในหลายประเทศ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป ที่ต้องการเข้าร่วมกระแสลงทุนในความยั่งยืน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.)ได้ตอบรับกระแสความนิยมดังกล่าวเช่นกัน ทั้งในรูปแบบของการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจในเชิงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง คำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล(ESG Factors) และยังส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบของ ESG Investing จนเกิดเป็นกระแสการจัดตั้งกองทุนธรรมมาภิบาล (CG Funds) และกองทุนปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG Funds) เพื่อเป็นทางเลือกของนักลงทุน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังได้จัดตั้งดัชนี SET Thailand Sustainability Investment (SETTHSI) เปิดโอกาสให้บริษัทที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน มีโอกาสเข้าสู่การคำนวณในดัชนีดังกล่าว และยังสนับสนุนให้ทางบริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลด้านปัจจัย ESG ผ่านทางรายงานความยั่งยืน (Sustainability Report) ซึ่งในอนาคต เราอาจได้เห็นการจัดทำข้อมูลมาตรฐาน (Standardized Data) แบบที่เราใช้กันอยู่บน SETSMART 

ในส่วนของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน(AIMC)และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน 32 แห่ง ได้ประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือด้านการลงทุนอย่างรับผิดชอบ (ESG Collaborative Engagement) และร่วมลงนามในแนวทางการร่วมมือปฏิบัติ “การระงับลงทุน” (Negative List Guideline) ในบริษัทจดทะเบียนที่มีประเด็นปัญหาด้านปัจจัย ESG และจะเข้าประสานงานกับบริษัทเพื่อหาทางแก้ปัญหาหรือหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน (Positive Engagement) ซึ่งท้ายที่สุด หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาที่รุนแรงนั้น นักลงทุนแต่ละรายตกลงร่วมกันที่จะไม่เข้าลงทุนเพิ่มเติมในบริษัทที่มีปัญหานั้นเป็นเวลา 3 เดือน หรือจนกว่าจะแก้ไขปัญหาสำเร็จ

ส่วนขององค์กรที่สนับสนุนปัจจัยด้าน ESG ในไทย เช่น สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย(IOD) ได้ประกาศรายงานการจัดอันดับประจำปี 2020 โดยมีบริษัทที่ได้รับคะแนน 3 ดาวขึ้นไป 616 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ร้อยละ 4.7 ขณะที่สมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต(CAC) ได้รับการรับรองคุณสมบัติของบริษัทจดทะเบียน (Certified) 472 บริษัท บ่งบอกถึงความตระหนักถึงการมีธรรมาภิบาลที่ดีของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

บลจ. ไทยพาณิชย์  ก็ได้มีโอกาสนำเสนอกองทุนที่เน้นการลงทุนในความยั่งยืน โดยผสมผสานการวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ ความแข็งแกร่งทางการเงิน ตลอดจนคุณภาพและมูลค่าที่เหมาะสมของกิจการ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เพียงแต่สังคมและบริษัทจะได้ประโยชน์จากการส่งเสริมคุณสมบัติด้านESG ที่ดีเท่านั้น แต่นักลงทุนยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม คุ้มค่าอีกด้วย 


คอลัมน์มันนี่ดีไอวาย

ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,679 วันที่ 16 - 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564