“อาคม” เผย ไม่ถอดใจ ยังทำงานปกติ

03 มี.ค. 2564 | 04:20 น.

“อาคม” เผย ไม่ถอดใจ ยังทำงานปกติ พร้อมพาเจ้าหนี้เงินกู้ตรวจโครงการสถานีกลางบางซื่อวันนี้ ขณะที่แผนฟื้นฟูการบินไทย ขอดูแผนก่อนตัดสินใจ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวยืนยันว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่า ตนเบื่อการทำงานแล้ว ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่ถอดใจ ยังคงเดินหน้าทำงานปกติ 

 

ส่วนการตรวจเยี่ยมโครงการสถานีกลางบางซื่อในวันนี้ (3 มี.ค.) ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคมนั้น เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการเงินกู้ที่ กระทรวงการคลังดูแลเงินกู้ จึงต้องพาเจ้าของเงินกู้ไปดูโครงการและตรวจเยี่ยม ไม่ใช่เพราะจะย้ายกลับไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม

 

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง

 

ขณะที่ แผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กระทรวงการคลังขอดูแนวทางของแผนการฟื้นฟูก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากการบินไทยได้ยื่นแผนฟื้นฟูกิจการของ THAI ให้กรมบังคับคดีแล้ว โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการในวันที่ 12 พ.ค. นี้ 

นอกจากนี้นายอาคม กล่าว ในการมอบนโยบายการบูรณาการงานร่วมกันระหว่างกองทุนการออมแห่งชาติ กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ว่า ในปีนี้ คาดว่าประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยจะมีผู้สูงอายุมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 74 คาดว่าไทยจะก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด หรือ มีผู้สูงอายุสัดส่วนถึง 28% ของประชากรทั้งประเทศ 

 

โดยแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (61-80) ซึ่งยุทธศาสตร์ที่ 4 คือด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมนั้นได้เน้นเรื่องการรองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะการส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาวของประชาชนตั้งแต่ก่อนเกษียณ เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงในการดำรงชีวิตหลังเกษียณในระดับพื้นฐาน

 

ซึ่งปัจจุบัน ภาครัฐมีนโยบายเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ มีรายได้และชีวิตควาเป็นอยู่ที่ดี ด้วยระบบการออมเงินเพื่อการเกษียณของไทยมี 2 รูปแบบ ทั้งการออมภาคบังคับ และภาคสมัครใจ 

 

นายอาคมกล่าวอีกว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อแก้ไขกฎเกณฑ์ในการขยายอายุ และวงเงินในการออม สำหรับผู้ออมใน กอช. ได้มากขึ้น โดยปัจจุบันกำหนดอายุผู้ออมจะต้องไม่เกิน 55 ปี ซึ่งอาจจะขยายให้ผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เป็นต้น