นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นแผนการฟื้นฟูกิจการให้กับศาลล้มละลายกลาง ช่วงเช้าวันนี้ (2 มี.ค.64) จากนั้นจะส่งแผนฟื้นฟูมาให้เจ้าหนี้พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้รับ โดยหลักการเบื้องต้น กระทรวงการคลังไม่ได้ลดมูลค่าหนี้คงค้าง (แฮร์คัต) ให้กับการบินไทย แต่มีการขยายเวลา เนื่องจากภาครัฐไม่มีกฎหมายมาเอื้อส่วนนี้ จึงไม่สามารถแฮร์คัตหนี้ได้
ส่วนการเพิ่มทุนให้การบินไทยนั้น นางปานทิพย์ กล่าวว่าเนื่องจาก การบินไทยต้องมีเงินเพื่อเข้าไปเสริมสภาพคล่องรวมทั้งมีค่าใช้จ่ายชดเชยพนักงานที่จะสมัครใจลาออก ซึ่งกระทรวงการคลังจะต้องมาพิจารณาแนวทางการเพิ่มสภาพคล่องให้ ในลักษณะการเพิ่มทุน หรือการให้กู้ด้วยการค้ำ ซึ่งจะมาพิจาณาข้อจำกัดต่างๆ ทางกฎหมายก่อน เนื่องจากขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดแผนฟื้นฟูของการบินไทย
“ตัวเลขการเพิ่มทุนที่การบินไทยคาด อยู่ที่ประมาณ 35,000-50,000 ล้านบาท ซึ่งคลังน่าจะไม่ได้เพิ่มทุนเข้าไปให้ทั้งหมด ต้องมาดูข้อจำกัดข้อดีข้อเสียก่อน ส่วนการแฮร์คัตหนี้ของกระทรวงการคลังให้การบินไทยนั้น สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เป็นผู้ดูแล ซึ่งเป็นเงินที่ให้กู้ต่อ การแฮร์คัตหนี้ในส่วนภาครัฐก็จะคงลำบาก แต่เข้าใจว่าได้มีการหารือกับทางผู้จัดทำแผนไปแล้ว และคาดว่าหลังจากการบินไทยยื่นแผนฟื้นฟูแล้ว จะส่งแผนไปให้เจ้าหนี้ แล้วฝ่ายเจ้าหนี้ก็ต้องมาหารือกัน ภายในระยะเวลา 60 วัน ซึ่งจะมีการประชุมโหวดวาระแผนในช่วงเดือน พ.ค.64” ผอ. สคร.กล่าว
ส่วนกรณีที่การบินไทยยังต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เหมือนที่เคยได้รับตอนมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจนั้น นางปานทิพย์ กล่าวว่า ขณะนี้การบินไทยไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ จึงต้องมาดูว่าคนที่จะให้สิทธิ์จะให้เหมือนเดิมหรือไม่ หรือต้องดำเนินการอย่างไร เช่น ในส่วนของกระทรวงการคลัง จะมีกรมศุลกากร ที่จะต้องวางเรื่องของอากร หากไม่ใช่ส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ อาจจะต้องมีหลักประกันมาวางค้ำเรื่องของอากร เป็นต้น เช่นเดียวกับการลดค่าเช่ากับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะมีการทำได้หรือไม่นั้น จะต้องมีการเจรจาร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะมีค่าเช่าเป็นอัตราเช่ารัฐวิสาหกิจด้วยกัน แต่ขณะนี้ก็ต้องเป็นอัตราเช่าที่ 2 หน่วยงานจะต้องหารือกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :