หุ้นอสังหาตอบโจทย์ปันผล

22 ก.พ. 2564 | 00:10 น.

โบรกฯคาด กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทำกำไรไตรมาส 4 ปี 2563 สูงสุดของปี มองผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ชี้ทิศทางดอกเบี้ยต่ำ หุ้นอสังหาฯตอบโจทย์ แนะซื้อสะสมรอเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 5-10%

การลงทุนในภาวะที่ผันผวนจากสถานการณ์ต่างๆ ทั้งไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดระลอกสอง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับตํ่า ทำให้เกิดการแสวงหาผลตอบแทนที่สูง แต่ต้องแลกมากับความเสี่ยงที่มีมากกว่า และอาจจะสูญเสียได้หากไม่มีความเข้าใจและความรู้ที่แท้จริง โดยการลงทุนในตลาดหุ้น ยังมีทางเลือกให้กับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก และสามารถถือรอผลตอบแทนได้จากการประกาศจ่ายเงินปันผล ซึ่งหุ้นปันผลที่ได้รับความนิยมมักเป็นหุ้นธนาคารและหุ้นอสังหาริมทรัพย์

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปีที่ผ่านมาถือว่า ซบเซาอย่างหนัก ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชน สะท้อนจากตัวเลขยอดขายยอดโอนที่ทรุดหนักมาตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะโครงการแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียม ที่ยังพอไปได้คือ โครงการแนวราบ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง แต่ก็จะเห็นว่า การเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงมากจากปีที่ผ่านมา หลายโครงการต้องถูกเลื่อนออกไปก่อนเพราะดีมานด์แทบไม่มี โดยเวลานี้ดีเวลลอปเปอร์พยายามเร่งระบายสต็อกเหลือขายออกไปก่อน เพื่อตุนเงินสดไว้ให้มากที่สุด 

อย่างไรก็ตามสัญญาณการฟื้นตัวของ กลุ่มอสังหาฯชัดเจนขึ้นหลังหลายบริษัทประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3 ปี 2563 ออกมาดีเกินคาดยอดขายปรับตัวขึ้นจากไตรมาส ก่อน หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง และเริ่มเห็นการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/64ของกลุ่มอสังหาฯ ออกมาบ้างแล้วและเห็นว่า ดีกว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมา  

อ้ตราการจ่ายเงินปันผลของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าการจ่ายเงินปันผลของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปี 2562 บริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงที่สุดคือ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE) อัตราหุ้นละ 7.40 บาท, บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSH) หุ้นละ 1.55 บาท และบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) หุ้นละ 1.00 บาท ส่วนปี 2563 สำหรับงวดผล ประกอบการครึ่งปี 2563 บริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด คือ SPALI หุ้นละ 0.50 บาท, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AP) หุ้นละ 0.40 บาท และ PSH หุ้นละ 0.31 บาท 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ประเมินกำไรปกติกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 9,430 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดของปี เพิ่มขึ้น 9.4% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามยอดโอนคาดอยู่ที่ 58,000 ล้านบาท เติบโต 9.1% จากไตรมาสก่อน ขณะเดียวกัน ทิศทางดอกเบี้ยไทยที่อยู่ระดับตํ่า ทำให้เม็ดเงินมีโอกาสไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และหนึ่งในเป้าหมายเป็นหุ้นปันผลสูง ซึ่งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ตอบโจทย์ดังกล่าว เนื่องจากให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5-10% ต่อปี จูงใจให้นักลงทุนเข้าสะสมในพอร์ตก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี
เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ตอบรับปัจจัยบวกไปมากพอสมควรแล้ว หลังจากผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้วในช่วงปี 2563 และมาตรการกระตุ้นต่างๆ ของรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนจะซื้อเป็นฤดูกาลโดยจะดักซื้อในช่วงกลางปีที่ผลประกอบการไตรมาส 1-2 จะชะลอตัวก่อนที่จะมีการเร่งโอนในช่วงปลายปี ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตได้ดีกว่า รวมถึงมีการเข้าซื้อสะสมระยะยาวเพื่อรอเงินปันผลที่จ่ายประมาณ 5-6% ทั้งนี้มองว่าหุ้นที่จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตดีในปี 2564 คือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) 

ขณะที่ มาตรการของรัฐในการต่ออายุมาตรการลดค่าโอน-จำนอง โดยคงเพดานราคาไม่เกิน 3 ล้าน มีอายุมาตรการถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 นั้น มองว่าเป็นการช่วยเหลือระดับหนึ่ง แต่เกณฑ์ที่สำคัญคือ มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value Ratio : LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาเพื่อสกัดการเก็งกำไร ทำให้กำลังซื้อของผู้ที่มีความสามารถกู้ได้ และต้องการลงทุนซื้อบ้านหลังที่ 2-3 เพื่อเก็งกำไรชะลอลง รวมถึงการปล่อยกู้ที่น้อยลงของธนาคารพาณิชย์ 

ด้านบล.ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า ปี 2563 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้ว และยอดปฏิเสธสินเชื่อจากทางธนาคารได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วที่ประมาณ 20% ส่วนยอดการยกเลิกก็ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วเช่นกัน ขณะที่ การปล่อยสินเชื่อเริ่มเห็นธนาคารพาณิชย์มีการผ่อนคลายเพิ่มมากขึ้นสำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย แต่การปล่อยสินเชื่อสำหรับ Developer หรือ Project Finance ยังคงมีความเข้มงวดอยู่ ทั้งนี้ การเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2564 คาดว่าตลาดโดยรวมจะยังลดลงโดยเฉพาะกลุ่มคอนโด และ Supply ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องเช่นกัน จากการที่ Developer ยังเน้นการขายโครงการใน Inventory เป็นหลัก 

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,655 วันที่ 21 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564