ได้เวลาช็อป“หุ้นปันผล”

07 ก.พ. 2564 | 19:00 น.

โบรกแนะลงทุนหุ้นปันผลระยะสั้นใน Big Cap หลังได้ผลตอบแทนน่าพอใจ ความเสี่ยงน้อย ส่วนหุ้น Mid-Small Cap สะสมยาวกว่า ได้ผลตอบแทนสูง พร้อมเปิดหุ้นปันผลเด่นและจ่ายสม่ำเสมอ

คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อปี ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งการที่กนง.จะลดหรือคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของไทยที่ยังคงอยู่ในระดับตํ่าต่อไป โดยปัจจุบัน Bond yield 1 ปี ของไทยทรงตัวที่ 0.40% ตํ่ากว่าดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้เงินทุนมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น จากความต้องการผลตอบแทนที่มากกว่า และหุ้นที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนคือ “หุ้นปันผล”  

ปัจจุบันถือว่า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะในการที่จะเข้าซื้อหุ้นปันผลงวดปี 2563 ก่อนที่จะขึ้น XD และขายออกหลัง
XD ซึ่งจะได้กำไร 2 ต่อคือ ทั้งราคาหุ้นและเงินปันผล  โดยนักลงทุนควรเข้าซื้อตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมและถือครองไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน  เพราะจากสถิติ 5 ปีย้อนหลังของโบรกเกอร์พบว่า การเข้าซื้อและถือครองในช่วงดังกล่าว มักให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.3% (ราคาหุ้น+เงินปันผล) หากเข้าซื้อในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และขายในช่วงเดือนมีนาคม จะให้เฉลี่ยเพียง 0.9% และหากเข้าซื้อช่วงต้นเดือนมีนาคม ผลตอบแทนจะติดลบ 0.4% 

นอกจากนั้นนักลงทุนเองก็ควร เลือกซื้อหุ้นปันผลที่จะไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการประกาศงบการเงินไตรมาส 4 และปี 2563 โดยควรเข้าซื้อก่อนประกาศงบฯ และถือยาวไปจนถึงช่วงขึ้นเครื่องหมาย XD เนื่องจากมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก 

คำแนะนำลงทุนในหุ้นปั้นผล

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัดเปิดเผยว่า การลงทุนหุ้นปันผลประจำปี 2563 ที่จะประกาศในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2564 แนะนำ “Theme 2H20F Dividend Play” เป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นในหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นหุ้นนำดัชนี ซึ่งราคาหุ้นจะผันผวนตามภาวะตลาด โดยการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลจึงควรลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ จากสถิติย้อนหลัง 8 ปี การชื้อหุ้น Big Cap ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD สั้นๆ 2 สัปดาห์ และขายหลัง XD 1-2 สัปดาห์ จะให้ผลตอบแทน 2.8-3.9%

ขณะที่กลยุทธ์หุ้นปันผลขนาดกลาง-เล็ก (Mid-Small Cap) ควรสะสมยาวกว่า Big Cap โดยซื้อก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณ 2 เดือน และขายหลัง XD 1-2 สัปดาห์ จะให้ผลตอบแทนสูง 9.2-9.6% ทั้งนี้ แนะนำซื้อหุ้นปันผลเด่น คือ หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 2563 สูงกว่า 3.7% และเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว 

“จากการศึกษาพบว่าหุ้นปันผลระยะสั้นที่ดีที่สุด
โดยศึกษาจังหวะการซื้อขายที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในกรอบการลงทุนก่อนและหลัง XD ประมาณ 2 เดือน จากกลุ่มตัวอย่างหุ้นปันผลเด่น ทั้งหมด 51 บริษัท ย้อนหลังไป 8 ปี แบ่งการศึกษาออก
เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก เป็นหุ้น Big Cap ใน SET50 และกลุ่มสอง คือหุ้น Mid-Small Cap เป็นหุ้นปันผลที่ไม่อยู่ใน SET50 ซึ่งผลการศึกษาสรุปว่า ควรจะเลือกซื้อหุ้นปันผลก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD และขายหลังจาก XD โดยการวางกรอบช่วงเวลาขึ้นอยู่กับขนาดของหุ้น” 

สำหรับหุ้นปันผล Big Cap ที่มีการจ่ายเงินปันผลเด่นสม่ำเสมอ ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC), บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU), บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) (SCC), บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF), บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TU), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB), บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO), บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) (BEC), บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) 

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC), บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) โดยหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดเมื่อซื้อก่อน XD 2 เดือน และขายในช่วงหลัง XD ราว 2 สัปดาห์ ให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยสูงอยู่ในช่วง 6.5-7.8% ด้วยโอกาสที่สูงกว่า 70% 

ด้านบล.ทิสโก้ ระบุว่า แนะนำลงทุนในหุ้นปันผลที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลมากกว่า 4% คือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AP), ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP), บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MC), บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) (NYT), บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON), บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH), บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (ROJNA), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB), บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC), บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO) และ บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TU) 

ที่มา : หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,651 วันที่ 7 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ตลท.เผย 149 บจ. จัดการวิกฤตสู่การเติบโตยั่งยืน

ไทยคมอนุมัติจ่ายปันผล 0.20 บาทต่อหุ้น

เปิด 5 คำถามยอดฮิต จองหุ้น OR