ไทยคมอนุมัติจ่ายปันผล 0.20 บาทต่อหุ้น

06 ก.พ. 2564 | 02:20 น.

บอร์ดไทยคม อนุมัติจ่ายเงินปันผลปี 2563 อัตราหุ้นละ 0.20 บาท เผยผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 514 ล้าน ขณะที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 3,557 ล้าน ลดลง 23.7% จากปีื 2562 จากผลของการปลดระวางไทยคม 5

นายอนันท์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทมคม (“THCOM” หรือ “บริษัท”) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2564 อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 219 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 514 ล้านบาท โดยบริษัทรายงานรายได้จากการขายและการให้บริการสำหรับปี 2563 รวมทั้งสิ้น 3,557 ล้านบาท ลดลง 23.7% เมื่อเทียบกับปี 2562 สาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการดาวเทียม จากการปลดระวางดาวเทียมไทยคม 5 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งมีลูกค้าบางส่วนที่บริษัทจำเป็นต้องยุติการให้บริการ โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ เนื่องจากไม่สามารถโอนย้ายไปยังดาวเทียมที่บริษัทให้บริการได้ รวมถึงการลดลงของช่องทีวีดาวเทียม และบริการดาวเทียมบรอดแบนด์แก่ลูกค้าต่างประเทศ

บริษัทมีผลกำไรสุทธิสำหรับปี 2563 อยู่ที่ 514 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผลขาดทุนสุทธิสำหรับปี 2562 จำนวน 2,250 ล้านบาทจากการด้อยค่าของดาวเทียม ทั้งนี้กำไรสุทธิ 514 ล้านบาทได้นับรวมรายได้และค่าใช้จ่ายรายการพิเศษแล้ว

สิ้นปี 2563 อัตราการใช้บริการของลูกค้าเมื่อเทียบกับความสามารถในการให้บริการของดาวเทียมแบบทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยดาวเทียมไทยคม 6 ไทยคม 7 และไทยคม 8 อยู่ที่ระดับ 64% เพิ่มขึ้นจาก 55% ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งเป็นผลมาจากการปลดระวางดาวเทียมไทยคม 5 ส่งผลให้จำนวนทรานส์พอนเดอร์หรือช่องสัญญาณโดยรวมที่บริษัทให้บริการลดลงจาก 111 ทรานส์พอนเดอร์ เหลือ 71 ทรานส์พอนเดอร์ ส่งผลให้อัตราการใช้บริการของลูกค้าเมื่อเทียบกับความสามารถในการให้บริการของดาวเทียมแบบทั่วไปเพิ่มขึ้น สำหรับดาวเทียมบรอดแบนด์หรือดาวเทียมไทยคม 4 มีอัตราการใช้บริการของลูกค้าเมื่อเทียบกับความสามารถในการให้บริการของดาวเทียมที่ระดับ 19% ลดลงจาก 23% ณ สิ้นปี 2562 เป็นผลมาจากการลดระดับการใช้งานและการยุติการใช้บริการของลูกค้าต่างประเทศบางราย

ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือ บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (แอลทีซี) ในประเทศลาว มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในระบบรวมทั้งสิ้น 1.72 ล้านราย และยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับหนึ่ง