ธปท. ย้ำให้แบงก์เร่งปรับโครงสร้างหนี้ภายในเดือนธ.ค.

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน  ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า ภายหลังจากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 โดยกำหนดมาตรการผ่อนผันให้ลูกหนี้เอสเอ็มอีที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท ได้รับการพักหนี้ 6 เดือน(Debt Holiday)ซึ่งครบมาตรการเมื่อ 22ตุลาคม2563นั้น

สิ่งสำคัญที่สุด ธปท.ให้ธนาคารเจ้าหนี้เร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ขณะเดียวกันถ้ามีลูกหนี้บางรายที่อาจได้รับผลกระทบรุนแรงหรือไม่สามารถพิสูจน์รายได้ก็อนุโลมให้ธนาคารพักชำระหนี้ได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งที่ผ่านเท่าที่ได้รับรายงานจากธนาคารก็มีความคืบหน้าที่ดี

อย่างไรก็ตาม ตั้นแต่ต้นปีที่ผ่านมา ธปท.ได้มีเครื่องมือต่างๆ และมาตรการให้ธนาคารปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ช่วยเหลือลูกหนี้และสามารถจัดชั้นได้เป็นปกติได้เร็วขึ้น
 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธปท.โล่งใจลูกหนี้ไม่"ตกหน้าผา"หลังมาตรการช่วยเหลือครบ

" ถ้าสถาบันการเงินปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ยืดหนี้ออกไป อาจไม่ต้องถึงขนาดกันสำรองเข้มงวดเต็มจำนวนก็ได้  เพราะเป็นการดูแลลูกหนี้ในช่วงนี้ ซึ่งเครื่องมือต่างๆที่ออกมาให้ตั้งแต่ต้นปีน่าจะช่วยเหลือลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้พอสมควรแล้วซึ่งธปท.ก็ยังติดต่อติดตามอย่างใกล้ชิด"

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลธปท.ณเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ระบุว่า  มาตรการผ่อนผันให้ลูกหนี้เอสเอ็มอีที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท ได้รับการพักหนี้ 6 เดือน ซึ่งครอบคลุมกลุ่มลูกหนี้เอสเอ็มอี 1.05 ล้านบัญชี ยอดหนี้รวม 1.35 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นลูกหนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) 7.8 แสนบัญชี ยอดหนี้ 4 แสนล้านบาท ซึ่ง ได้รับการขยายระยะเวลาการพักหนี้ไปอีก 3-6 เดือนแล้ว

และลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ 2.7 แสนบัญชี ยอดหนี้ 9.5 แสนล้านบาท  พบว่า 94% หรือ 2.54 แสนบัญชี ยอดหนี้รวม 8.93 แสนล้านบาท ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ทั้งการพักหนี้ การยืดหนี้ หรือปรับเงื่อนไขจ่ายค่างวด   ที่เหลือเพียง 6% หรือ 1.6 หมื่นบัญชี ยอดหนี้ 5.7 หมื่นล้านบาท ที่ยังติดต่อไม่ได้

ทั้งนี้ ธปท.ขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินให้ติดต่อลูกหนี้ที่ยังติดต่อไม่ได้ทั้ง 6% ให้ได้ทั้งหมด และเจรจาเงื่อนไขการชำระหนี้ แต่หากตกลงกันไม่ได้ หรือลูกหนี้กลุ่มนี้ไม่มาติดต่อ หรือสถาบันการเงินติดต่อไม่ได้ภายในวันที่ 31 ธ.ค.2563 สถาบันการเงินจะต้องตั้งสำรองตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้