ศบศ.เห็นชอบมาตรการคนละครึ่งเฟส2 -เพิ่มกำลังซื้อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

02 ธ.ค. 2563 | 08:40 น.

ที่ประชุมศบศ.เห็นชอบมาตรการคนละครึ่งเฟส2 เพิ่มอีก5ล้านสิทธิ์ลงทะเบียน16 ธันวาคมนี้ เห็นชอบขยายวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

วันนี้ (2 ธ.ค.63) เมื่อเวลา 15.00 น. นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า  ที่ประชุม ศบศ.เห็นชอบมาตรการคนละครึ่งเฟส2 เพิ่มอีก 5 ล้านสิทธิ์ ลงทะเบียน 16 ธ.ค. และขยายระยะเวลาการใช้ของสิทธิ์เดิม10ล้านคน ไปถึง31มี.ค.64 พร้อมเพิ่มวงอีกคนละ500บาท ขณะที่คนลงทะเบียนสิทธิ์ใหม่ 16ธ.ค.จะได้รับวงเงิน 3500บาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่าหาทำ! เตือนร้านค้า “คนละครึ่ง” ห้ามขึ้นราคาเกินจริงถูกตัดสิทธิ์ถอนแอปถุงเงิน

เปิดแบบฟอร์ม ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช็กที่นี่ที่เดียวจบ

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เงินพิเศษ 500 งวดสุดท้ายโอนแล้ววันนี้รีบเช็กด่วน

ศบศ.เคาะคนละครึ่งเฟส2 เพิ่มวงเงิน 4,500 เป็นของขวัญปีใหม่

 

"การดำเนินการดังกล่าว หลังจากศบศ.ในวันนี้แล้ว จะต้องผ่านมติของอนุกรรมการเงินกู้ ของสภาพัฒน์ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมครม.เพื่อเห็นชอบ เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนต่อไป"

ที่ประชุมยังเห็นชอบ มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิกำรแห่งรัฐ เสนอโดยกระทรวงการคลัง โดย การเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 500 บาทต่อคนต่ เดือน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน โดยมีระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม 2564

 

นอกจากนี้ที่ประชุม ศบศ. เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เสนอโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกอบด้วย เห็นชอบการปรับปรุงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

(1) ปรับปรุง ขอบเขตการใช้สิทธิจำนวนการจองห้องพักจากเดิมประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 10 คืน (Room night) ต่อ 1 สิทธิเพิ่มเป็น 15 คืนต่อ 1 สิทธิ

(2) ขยายช่วงเวลาการจองที่พัก จากเวลา 06.00 – 21.00 น. เป็นเวลา
06.00 – 24.00 น.

(3) เพิ่มจำนวนห้องพักในโครงการจากเดิม 5 ล้านคืน เป็น 6 ล้านคืน ทั้งนี้จำนวนห้องที่เพิ่มมาจะสนับสนุนเฉพาะ E-voucher แต่ไม่อุดหนุนเรื่องค่าที่พัก

(4) ขยายระยะเวลาการใช้สิทธิโครงการถึง 30 เมษายน2564

(5) เพิ่มโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตฯ แต่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีและมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้

(6) อนุมัติให้ธุรกิจและบริการที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบคูปองออนไลน์ (E-Voucher) ได้ ประกอบด้วย ธุรกิจการขนส่งภาคท่องเที่ยว ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ

(7) ปรับปรุงเกณฑ์สนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินจากเดิมรัฐสนับสนุนร้อยละ 40 แต่สูงสุดไม่เกิน2,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เป็นสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เฉพาะการเดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดที่ภาค ท่องเที่ยวพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่และเชียงราย

และ (8) กำหนดหลักเกณฑ์การลาสำหรับข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถลาพักร้อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาเมื่อใช้สิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

 

นอกจากนี้ เห็นชอบการปรับปรุงโครงการกำลังใจ โดยมีรายละเอียดดังนี้

(1) เปิดให้บริษัทนำเที่ยวที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้โดยใช้หลักเกณฑ์เดิมของโครงการ

(2) บริษัทนำเที่ยวที่กรอกรายการนำเที่ยวไม่ครบ 15 รายการ สามารถกรอกเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ หากกรอกครบ 15 รายการแล้ว
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมได้อีก

และ (3) ระยะเวลาที่จะเปิดให้สมัครเข้าร่วมโครงการและกรอก รายการนำเที่ยวภายใน 15 ธันวาคม 2563


และ สุดท้ายเห็นชอบ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ผู้เข้าร่วม โครงการต้องมีอายุ 55 ปีขึ้นไป และจะต้องเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยวโดยมีระยะเวลาของโปรแกรม การท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 วัน 2 คืน และเดินทางท่องเที่ยวได้เฉพาะวันธรรมดา (เข้าพักในวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี) โดยมีราคาค่าใช้จ่ายต่อโปรแกรมไม่น้อยกว่า 12,500 บาทต่อคนต่อโปรแกรม และรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายผ่านบริษัทนำเที่ยวในลักษณะร่วมจ่ายคนละ 5,000 บาท สำหรับบริษัทนำเที่ยวที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องจดทะเบียนดำเนินธุรกิจ ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 ทั้งนี้บริษัทนำเที่ยวแต่ละรายสามารถรับนักท่องเที่ยวผ่านโครงการได้ไม่เกิน 3,000 ราย โดยโครงการมีระยะเวลาการดำเนินการ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี
อนุมัติ