ครม.เห็นชอบระเบียบรองรับ "ธนาคารกรุงไทย" พ้นสภาพรัฐวิสาหกิจ

10 พ.ย. 2563 | 08:39 น.

ครม.เห็นชอบร่างระเบียบฯรองรับ ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ

วันที่ 10 พ.ย. 63 นายอนุชา บูรพชัยศรี  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่เกี่ยวกับกรณีที่ธนาคารกรุงไทย(KTB) พ้นความเป็นรัฐวิสาหกิจ ว่า ครม.มีมติเห็นชอบกระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง

 

นายอนุชา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ธนาคารกรุงไทย(KTB) ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่า ธนาคารกรุงไทยไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ ธนาคารกรุงไทยจึงขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้หน่วยงานของรัฐยังคงมีบัญชีเงินฝากอยู่กับธนาคารกรุงไทย ตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อนาคต “กรุงไทย” หลังพ้นรัฐวิสาหกิจ

พนักงานแบงก์ KTB พ้นสภาพรัฐวิสาหกิจ

คลัง เสนอครม.ให้กรุงไทย เป็นหน่วยงานของรัฐ

เนื่องจากธนาคารยังคงเป็นส่วนหนึ่งของรัฐไม่ว่าด้วยการถือหุ้นของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่รัฐบาลถือหุ้นอยู่ 55.07% หรือ โดยภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากภาครัฐเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงสถานะภาพของธนาคารกรุงไทยไม่รับผลกระทบจากการรับฝากเงินจากหน่วยงานภาครัฐ และภารกิจต่างๆที่ธนาคารกรุงไทยได้รับมอบหมายตามนโยบายของรัฐบาล และโดยระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562

 

"ประเด็นสำคัญคือ ณ ปัจจุบันรัฐไม่ได้ถือหุ้นในสัดส่วนที่ไม่ทำให้ธนาคารกรุงไทยเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป เนื่องจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันถือเป็นนิติบุคคล ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงเสนอครม.ให้รับทราบในร่างระเบียบฯ ที่มีการขอเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบมติครม. ดังกล่าวจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)ระบุว่า  ครม.มีมติเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

 

สาระสำคัญ ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

สืบเนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้วินิจฉัยว่าธนาคารกรุงไทยฯไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ ธนาคารกรุงไทยฯ จึงขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้หน่วยงานของรัฐยังคงมีบัญชีเงินฝากอยู่กับธนาคารกรุงไทยฯ ต่อไปได้ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562

 

เนื่องจากธนาคารยังคงเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ ไม่ว่าด้วยการถือหุ้นของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (ร้อยละ 55.07) หรือโดยภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากภาครัฐ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงสถานภาพของธนาคารกรุงไทยฯ ไม่ส่งผลกระทบต่อการรับฝากเงินจากหน่วยงานของรัฐ และต่อภารกิจต่าง ๆ ที่ธนาคารกรุงไทยฯ ได้รับมอบหมายตามนโยบายของรัฐ และโดยที่ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562 ข้อ 20 (1) กำหนดว่า การเบิกเงินจากคลัง ให้หน่วยงานผู้เบิกเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ สำหรับเงินงบประมาณหนึ่งบัญชีและเงินนอกงบประมาณหนึ่งบัญชี ซึ่งในการกำหนดดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อเป็นการสนับสนุนรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นกิจการของรัฐ

 

ดังนั้น เพื่อให้หน่วยงานผู้เบิกสามารถใช้บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยฯ ได้ต่อไป โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน และทำให้ธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนและผลักดันโครงการสำคัญของภาครัฐสามารถให้บริการกับหน่วยงานผู้เบิกต่อไปได้ จึงได้ดำเนินการยกร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... ขึ้น

 

โดยแก้ไขเพิ่มเติมให้หน่วยงานผู้เบิกเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่ง สำหรับเงินงบประมาณหนึ่งบัญชีและเงินนอกงบประมาณหนึ่งบัญชี