ดาวโจนส์ ปิดร่วง 650 จุด วิตกโควิด-19 พุ่ง

26 ต.ค. 2563 | 23:48 น.

ดาวโจนส์ ปิดร่วง 650.19 จุด นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐและยุโรป รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐและยุโรป รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิล และอัลฟาเบท
          

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,685.38 จุด ร่วงลง 650.19 จุด หรือ -2.29% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,400.97 จุด ลดลง 64.42 จุด หรือ -1.86% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,358.94 จุด ลดลง 189.34 จุด หรือ -1.64%
          

ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เปิดเผยว่า สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่กว่า 83,000 รายทั้งในวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวันศุกร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 83,700 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่าเมื่อกลางเดือนก.ค. ซึ่งขณะนั้นพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 77,300 ราย
          

 

ขณะที่หลายประเทศในยุโรปซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ประกาศใช้มาตรการคุมเข้มครั้งใหม่เพื่อสกัดโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วทวีป โดยฝรั่งเศสประกาศเคอร์ฟิวในภูมิภาคส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 น. - 6.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ขณะที่อิตาลีจำกัดเวลาการเปิดบริการของร้านอาหารและผับบาร์ไปจนถึงวันที่ 24 พ.ย. และสเปนประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 15 วัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
          

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะไม่สามารถออกกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. เนื่องจากมีหลายประเด็นสำคัญที่ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข
          

หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดและการใช้มาตรการสกัดโควิด-19 โดยหุ้นหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 7.02% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน ร่วงลง 6.09% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 6.35% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.95% ส่วนหุ้นในกลุ่มเรือสำราญนั้น หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ทรุดตัวลง 9.65% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 8.66% หุ้นนอร์วีเจียน ครุยส์ ไลน์ ร่วงลง 1.62%
          

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 6.82% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.37% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.25% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.91% หุ้นอ็อคซิเดเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 5.59%
          

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.9% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ดิ่งลง 3.28% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3.2% หุ้น 3M ดิ่งลง 2.14%
          

ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 3.5% สู่ระดับ 959,000 ยูนิตในเดือนก.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ยอดขายเพิ่มขึ้น 2.8% สู่ระดับ 1.025 ล้านยูนิต
          

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิล อิงค์, แอมะซอนดอทคอม, อัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล และเฟซบุ๊ก อิงค์
          

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก Conference Board, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2563 (ประมาณการเบื้องต้น), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.