ดาวโจนส์ปิดร่วง 730  จุด วิตกหลายรัฐสั่งล็อกดาวน์คุมโควิด

26 มิ.ย. 2563 | 23:32 น.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 730.05 จุด หรือ -2.84%  ปิดที่ 25,015.55 จุด ดัชนี S&P500  ร่วงลง 74.71 จุด หรือ -2.42%  ปิดที่ 3,009.05 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 259.78 จุด หรือ -2.59%ปิดที่ 9,757.22 จุด 


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากหลายรัฐของสหรัฐกลับมากำหนดข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจอีกครั้ง เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วง 3.31%, ดัชนี S&P500 ร่วง 2.87% และดัชนี Nasdaq ร่วง 1.87%

ตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญแรงกดดัน หลังมีรายงานว่า บางรัฐของสหรัฐได้สั่งล็อกดาวน์อีกครั้ง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้น โดยในวันศุกร์ รัฐเท็กซัสและรัฐฟลอริดาได้สั่งให้บาร์ต่างๆ ปิดให้บริการอีกครั้ง

นายเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสได้ออกคำสั่งบริหารในวันศุกร์ เพื่อจำกัดการดำเนินธุรกิจและการให้บริการบางอย่าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ล่าสุดสหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,546,841 ราย และมีผู้เสียชีวิต 127,361 รายแล้ว โดยในขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19

          

 

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกถ่วงลงจากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลที่ว่า ข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีนจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่จีนเตือนว่า การที่สหรัฐเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินการของจีนในฮ่องกงและไต้หวันนั้น อาจทำให้จีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มการเงิน, บริการด้านการสื่อสาร และพลังงาน นำตลาดร่วงลง  ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สั่งให้บรรดาธนาคารพาณิชย์จำกัดการจ่ายเงินปันผล และห้ามการซื้อหุ้นคืนไปจนถึงอย่างน้อยในไตรมาส 4/2563 หลังจากที่มีการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปี