คนไทยตื่น! ชำระเงินออนไลน์ 57% "VISA" มั่นใจ 7 ปี ไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสด

VISA เผยผลสำรวจพบ คนไทย 68% มั่นใจพัฒนาเป็นสังคมไร้เงินสดได้ภายใน 7 ปี เหตุคนไทยมีบัญชีธนาคารสูงถึง 83% คนใช้อินเตอร์เน็ต 82% ใช้โทรศัพท์มือถือสูงถึง 133% และใช้โซเชียล 71% พบสัดส่วนไม่ใช้เงินสดสูงถึง 78%

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภค ประจำปี 2561 ของวีซ่า ว่า จากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการผลักดันระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คนไทยมีความเชื่อมั่นและใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งจากผลสำรวจพฤติกรรมการชำระเงินระบบอิเล็กทรอนิกส์ในผู้บริโภค 500 คนในประเทศไทย และ 4,000 คนจาก 8 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า คนไทยมีความมั่นใจว่า ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาเป็นสังคมไร้เงินสดได้ภายใน 7 ปี มีสัดส่วนสูงถึง 68%

ทั้งนี้ หากดูข้อมูลจะพบว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีปัจจัยโครงสร้างที่สนับสนุนเรื่องระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (National e-Payment) ค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับประเทศอื่น โดยดูจากตัวเลขจากจำนวนประชากรที่มีอยู่ 69 ล้านคน มีจำนวนประชากรที่มีบัญชีธนาคารสูงถึง 83% คนใช้อินเตอร์เน็ต 82% ใช้โทรศัพท์มือถือสูงถึง 133% และใช้โซเชียล 71% โดยมีการใช้เงินสด 76% ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยให้ประเทศไทยเดินหน้าเรื่องอี-เพย์เมนต์เร็วขึ้น และจากการสำรวจคนไทย 500 คน จะเห็นว่า ผู้บริโภคชาวไทยประมาณ 57% นิยมทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต แอพพลิเคชันการชำระเงินบนสมาร์ทโฟน และคิวอาร์โค้ด เป็นต้น และนิยมใช้เงินสดประมาณ 43%
 

และหากดูสัดส่วนคนไทยที่ไม่ใช้เงินสด จะพบว่า มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากในปี 2560 มีสัดส่วนอยู่ที่ 51% เพิ่มขึ้นเป็น 78% ในปี 2561 และเจาะลงลึกในพฤติกรรมคนไทยที่ไม่ใช้เงินสด จะเห็นว่า คนไทยสามารถใช้ชีวิตโดยไม่มีเงินสดเลยภายใน 1 วัน มีสัดส่วนถึง 40% และสามารถใช้ชีวิตได้ 1 สัปดาห์ มีประมาณ 16% และสามารถใช้ชีวิตได้ 1 เดือน มีสัดส่วนประมาณ 10% สำหรับธุรกรรมที่คนส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้เงินสด (Cashless) จะเป็นเรื่องของการชำระบิล (Bill Payment) 64% การซื้อของในไฮเปอร์มาร์เก็ต 62% และสั่งของดิลิเวอรี่ 57%

อย่างไรก็ดี จากผลสำรวจรูปแบบการชำระเงินของคนไทยในช่องทางต่าง ๆ ยังคงพบว่า เงินสดยังมีสัดส่วนการใช้สูงถึง 95% ส่วนหนึ่งมาจากความสะดวกและการเข้าถึงเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารที่มีจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันจะเห็นว่า ช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ ก็มีความหลากหลายและมีอัตราการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่น บัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นจาก 80% มาเป็น 85% โมบายแอพพลิเคชัน 57% และการชำระ QR Payment 35% แม้ว่าสัดส่วนการใช้คิวอาร์เพย์เมนต์แค่ 1 ใน 3 แต่ถือว่าเป็นสัดส่วนตัวเลขที่น่าพอใจ เนื่องจากเพิ่งเปิดใช้มาเพียงแค่ 1 เท่านั้น ซึ่งคาดว่า ในอนาคตสัดส่วนการใช้จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
 

ขณะที่ การชำระเงินระบบไร้สัมผัส (Contactless) มีสัดส่วน 36% เมื่อเทียบกับสัดส่วนที่คนไทยรู้จักเทคโนโลยีการชำระเงินระบบนี้ที่ 90% ถือว่าการใช้ยังน้อยมาก จึงต้องช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้มากขึ้น ส่วน Mobile Contactless มีอยู่ 32% Peer to Peer การโอนจ่ายเงินหรือที่เรียกว่า พร้อมเพย์มีสัดส่วน 18%

นอกจากนี้ การซื้อของผ่าน Online Shopping จะเห็นว่า คนไทยซื้อของออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนมากขึ้นเฉลี่ย 2.88 ต่อการซื้อ 1 สัปดาห์ เทียบกับการซื้อผ่านคอมพิวเตอร์เฉลี่ยอยู่ที่ 2.36 ต่อ 1 สัปดาห์ และสัดส่วนการซื้อของออนไลน์ทุกวัน จะพบว่า ผ่านคอมพิวเตอร์มีสัดส่วนประมาณ 9% และผ่านสมาร์ทโฟน 8% ส่วนการชำระเงินด้านระบบขนส่งสาธารณะและการชำระเงินค่าทางด่วน พบว่า 7 ใน 10 ของผู้บริโภค อยากทดลองใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต ในการขึ้นรถขนส่งสาธารณะ และมี 67% อยากลองใช้ระบบไร้สัมผัสกับการขึ้นขนส่งมวลชน และเกิน 90% ของคนไทย สนับสนุนการชำระเงินแแบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับขนส่งมวลชน และมีประมาณ 80% คิดว่า การชำระค่าผ่านทางผ่านบัตรเครดิตและเดบิตสะดวกกว่า

"ประเทศไทยมีปัจจัยที่สนับสนุนการไปสู่สังคมไร้เงินสดและมีฐานข้อมูลเยอะ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ประกอบกับภาครัฐและเอกชนก็พยายามกระตุ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลที่สะท้อนว่า คนไทยเปิดใจที่จะใช้อิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่า การเป็นประเทศสังคมไร้เงินสดไม่น่าเป็นไปได้ยาก ส่วนเรื่องผลจากกฎหมายภาษี เชื่อว่ากระทบบ้าง แต่ในท้ายที่สุด ผู้ให้บริการที่ให้ทางเลือกในการชำระเงินกับลูกค้ามากกว่าจะได้เปรียบกว่าคนที่รับแต่เงินสด"