WHART ออกหุ้นกู้ล็อกต้นทุน ตุนเงิน 3.8 พันล้านบาท หนีดอกเบี้ยขาขึ้น
กองทรัสต์ WHART เตรียมออกหุ้นกู้ล็อตสุดท้าย 3,800 ล้านบาท ล็อกต้นทุนไม่เกิน 3% รับดอกเบี้ยขาขึ้น พร้อมเดินหน้าเพิ่มสินทรัพย์อีก 4,464.50 ล้านบาท หลังผู้ถือหน่วยไฟเขียวเพิ่มทุน ส่งผลพื้นที่เช่าเพิ่มเป็น 1.28 ล้านตารางเมตร อัตราการเช่า 90% มั่นใจรักษาผลตอบแทนไว้ได้เท่ากับอดีตที่ 75-76 สตางค์ต่อหน่วย
นายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียลเอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ กองทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ล็อตสุดท้าย 3,800 ล้านบาท ภายในไตรมาสแรกปีหน้า จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด 8 พันล้านบาท เพื่อบริหารต้นทุนและล็อกต้นทุนในทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนเงินกู้ประมาณ 29% ต้นทุนเฉลี่ย 3% จากต้นปีที่ได้ออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี และ 7 ปี ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2% ปลาย ๆ และในระยะกลางจะรักษาสัดส่วนเงินกู้ไว้ไม่เกิน 35%
สำหรับอัตราค่าเช่าปีนี้ไม่ได้เพิ่มมากนัก บริษัทค่อนข้างให้แรงจูงใจกับลูกค้า เนื่องจากปีนี้มีสัญญาเช่าครบอายุมากถึง 36% จากปีก่อนที่หมดสัญญา 28% แต่เกิน 1 ใน 3 สามารถต่อสัญญาได้ หรือ 22% ที่ต่อสัญญา หายไปเพียง 10% เท่านั้น ขณะที่ อัตราการเช่าพื้นที่ยังสามารถรักษาไว้ได้ที่ 90% ดังนั้น จะรักษาอัตรานี้ไว้ได้เท่ากับปีก่อน แต่ปีหน้าสัญญาที่ครบอายุมีเพียง 20-21% เท่านั้น จะทำให้สามารถขยายได้ทั้งอัตราค่าเช่าและอัตราการเช่า โดย 4 ปีที่ผ่านมา WHART สามารถจ่ายปันผลได้ 75-76 สตางค์ต่อหน่วยต่อปีได้ ซึ่งปีนี้ก็น่าจะรักษาตรงนั้นไว้ได้เช่นกัน
เพราะหลังจากได้รับอนุมัติจากผู้ถือหน่วยให้เพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ครั้งที่ 3 โดยการออกและเสนอขายหน่วยใหม่ ไม่เกิน 299.18 ล้านหน่วย และเงินกู้ยืมอีก 1,780 ล้านบาท เพื่อลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติม มูลค่าไม่เกิน 4,464.50 ล้านบาท บริษัทได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ เพิ่มทุนครั้งที่ 3 ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถขายหน่วยได้ภายในเดือน พ.ย. และจะโอนทรัพย์ได้ภายในเดือน ธ.ค. ปีนี้ และเชื่อมั่นว่านักลงทุนรายเดิมจะยังรักษาสิทธิ์ซื้อหน่วยลงทุนต่อไป
สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 จะเป็นการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม 4 โครงการ คือ โครงการของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) 2 โครงการ โครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม Central 1โครงการ และโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม KPN
ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งนี้ จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ WHART เติบโตแตะระดับ 32,800 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 28,192 ล้านบาท ขณะที่ ขนาดพื้นที่เช่าคลัง/โรงงาน จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,128,000 ตารางเมตร จากเดิม 971,000 ตารางเมตร และอัตราการเช่าจะอยู่ที่ 90% และภายใน 2 ปีจากนี้ ตั้งเป้าจะเพิ่มสินทรัพย์รวมเป็น 4 หมื่นล้านบาท เพราะคาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มปีละ 4-5 พันล้านบาท
หน้า 19 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,410 ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2561
นายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียลเอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ กองทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ล็อตสุดท้าย 3,800 ล้านบาท ภายในไตรมาสแรกปีหน้า จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด 8 พันล้านบาท เพื่อบริหารต้นทุนและล็อกต้นทุนในทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนเงินกู้ประมาณ 29% ต้นทุนเฉลี่ย 3% จากต้นปีที่ได้ออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี และ 7 ปี ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2% ปลาย ๆ และในระยะกลางจะรักษาสัดส่วนเงินกู้ไว้ไม่เกิน 35%
สำหรับอัตราค่าเช่าปีนี้ไม่ได้เพิ่มมากนัก บริษัทค่อนข้างให้แรงจูงใจกับลูกค้า เนื่องจากปีนี้มีสัญญาเช่าครบอายุมากถึง 36% จากปีก่อนที่หมดสัญญา 28% แต่เกิน 1 ใน 3 สามารถต่อสัญญาได้ หรือ 22% ที่ต่อสัญญา หายไปเพียง 10% เท่านั้น ขณะที่ อัตราการเช่าพื้นที่ยังสามารถรักษาไว้ได้ที่ 90% ดังนั้น จะรักษาอัตรานี้ไว้ได้เท่ากับปีก่อน แต่ปีหน้าสัญญาที่ครบอายุมีเพียง 20-21% เท่านั้น จะทำให้สามารถขยายได้ทั้งอัตราค่าเช่าและอัตราการเช่า โดย 4 ปีที่ผ่านมา WHART สามารถจ่ายปันผลได้ 75-76 สตางค์ต่อหน่วยต่อปีได้ ซึ่งปีนี้ก็น่าจะรักษาตรงนั้นไว้ได้เช่นกัน
เพราะหลังจากได้รับอนุมัติจากผู้ถือหน่วยให้เพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ครั้งที่ 3 โดยการออกและเสนอขายหน่วยใหม่ ไม่เกิน 299.18 ล้านหน่วย และเงินกู้ยืมอีก 1,780 ล้านบาท เพื่อลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติม มูลค่าไม่เกิน 4,464.50 ล้านบาท บริษัทได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ เพิ่มทุนครั้งที่ 3 ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถขายหน่วยได้ภายในเดือน พ.ย. และจะโอนทรัพย์ได้ภายในเดือน ธ.ค. ปีนี้ และเชื่อมั่นว่านักลงทุนรายเดิมจะยังรักษาสิทธิ์ซื้อหน่วยลงทุนต่อไป
สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 จะเป็นการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม 4 โครงการ คือ โครงการของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) 2 โครงการ โครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม Central 1โครงการ และโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม KPN
ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งนี้ จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ WHART เติบโตแตะระดับ 32,800 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 28,192 ล้านบาท ขณะที่ ขนาดพื้นที่เช่าคลัง/โรงงาน จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,128,000 ตารางเมตร จากเดิม 971,000 ตารางเมตร และอัตราการเช่าจะอยู่ที่ 90% และภายใน 2 ปีจากนี้ ตั้งเป้าจะเพิ่มสินทรัพย์รวมเป็น 4 หมื่นล้านบาท เพราะคาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มปีละ 4-5 พันล้านบาท
หน้า 19 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,410 ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2561
