ห่วง "โควิดสายพันธุ์อินเดีย" ระบาดในไทย "หมอยง" แนะเร่งฉีดวัคซีนในคนหมู่มาก

15 มิ.ย. 2564 | 01:15 น.

หมอยงเผยวิวัฒนาการการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ห่วงสายพันธุ์อินเดียแทยที่สายพันธุ์อังกฤษในไทย แนะเร่งฉีดวัคซีนในคนหมู่มาก

รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.ยง  ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) โดยมีข้อความว่า
    โควิด 19 การกลายพันธุ์
    ยง ภู่วรวรรณ
    อย่างที่เราทราบกันดีว่า ไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม กลายพันธุ์ไปอยู่ตลอด
    สายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ง่าย จะกระจายเข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิม
    สายพันธุ์ G  แพร่ได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่น ก็มาแทนที่สายพันธุ์  อู่ฮั่น
    สายพันธุ์อังกฤษ ( อัลฟา)แพร่กระจายได้ง่าย ก็กระจายไปทั่วโลกครอบคลุมทั้งหมด
    ขณะนี้สายพันธุ์อินเดีย (เดลต้า) แพร่กระจายง่ายกว่าสายพันธุ์อังกฤษ ก็กำลังจะมีแนวโน้มที่จะระบาดไปทั่วโลก
    ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ในการระบาดรอบแรกเป็นสายพันธุ์อู่ฮั่น ระบาดระลอก 2  เป็นสายพันธุ์ G  และรอบ 3  เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ขณะนี้มีแนวโน้มพบสายพันธุ์อินเดีย เพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสที่จะกระจายได้มากขึ้นมาแทนที่สายพันธุ์อังกฤษในอนาคต เพราะการติดต่อสายพันธ์เดลต้า (อินเดีย) ติดต่อได้ง่ายและจะระบาดได้ง่ายโดยเฉพาะเป็นคลัสเตอร์ และพร้อมที่จะกระจายออก 
    สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ( เบต้า)  ถึงแม้จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง แต่อํานาจการกระจายน้อย ต่อไปจะถูกกลบ ด้วยสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้มากกว่าเช่นสายพันธุ์อินเดีย  เป็นหลักตามวิวัฒนาการตามธรรมชาติ
    สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้น จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนเริ่มลดลง การติดตามสายพันธุ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงมีการถอดรหัสพันธุกรรมกันอย่างมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน 
    การให้วัคซีนในคนหมู่มาก และรวดเร็ว เป็น วิธีหนึ่งที่จะสกัดสายพันธุ์กลายพันธุ์ ไม่ให้มีการแพร่ระบาด
    ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะลดลงบ้างก็ยังช่วยสกัดได้ไม่ให้สายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาด
    #หมอยง
    ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 (Covid-19) ของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-13 มิ.ย.64 จากศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีการฉีดวัคซีนสะสมแล้วทั้งหมด 6,188,124 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 4,531,914 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 1,656,210 ราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :