เปิดแผนวัคซีนโควิด 150ล้านโดส “ผู้สูงอายุ-โรคประจำตัว” ได้ฉีดเมื่อไร เช็กได้ที่นี่

12 พ.ค. 2564 | 09:00 น.

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยแผนการจัดหาวัคซีนโควิด 150 ล้านโดส และแผนการฉีดวัคซีนโควิดให้กับกลุ่มเสี่ยงสูง ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัวเดือนมิ.ย. นี้

วันที่ 12 พฤษภาคม 2564  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยแผนในการจัดหาวัคซีนโควิด 150 ล้านโดส แผนในการฉีดวัคซีนโควิด ให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ ซึ่งจะเริ่มต้นปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกแก่ผู้มีความเสี่ยงสูง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง 

โดย พลเอกประยุทธ์ เปิดเผยหลังจากการเยี่ยมชมศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน  ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว พบว่ามีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการประชาชน  ทุกแห่งเดินทางสะดวก ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย โล่งโปร่ง ไม่แออัด จัดระบบการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริการได้รวดเร็ว  

“ผมขอขอบคุณคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ทั้ง 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคารไทย ที่เสนอตัวเข้ามาช่วยให้การกระจายวัคซีนสู่ประชาชนรวดเร็วและทั่วถึงยิ่งขึ้น ตามเป้าหมาย มิ.ย.นี้ ปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรก เพราะการฉีดวัคซีนเพียงเข็มแรกก็ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการได้มาก”

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่ารัฐบาลมีเป้าหมายให้คนไทยทุกคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างรวดเร็ว เดือน พ.ค.นี้ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้ฉีดเกือบครบทุกคนแล้ว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้บุคลากรด่านหน้า รวมทั้งยังได้เร่งระดมฉีดให้กลุ่มเฉพาะกิจในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง เช่น สมุทรสาคร ชุมชนคลองเตย เพื่อจำกัดวงแพร่ระบาด และตั้งเป้าเดือน มิ.ย. นี้ จะเร่งเครื่องปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง  และจากนั้นจะเร่งฉีดให้ประชาชนทั่วไปทันที 

นอกจากผู้มีความเสี่ยงสูงดังกล่าว ผมยังมีความห่วงใยกลุ่มคนทำงาน ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อย หรือพบปะคนจำนวนมาก เช่น พนักงานส่งของ ผู้ขับรถสาธารณะ พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ พนักงานบริการในร้านอาหาร  พนักงานในภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม หรืออยู่ในภาคธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจของประเทศ เช่น พนักงานส่งของ ผู้ขับรถสาธารณะ พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ พนักงานบริการในร้านอาหาร  และพนักงานในภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม

ตั้งแต่ เดือน มิ.ย. เป็นต้นไป รัฐบาลจะร่วมมือกับภาคเอกชนเตรียมฉีดวัคซีนแก่คนกลุ่มนี้ให้เร็วขึ้น โดยเปิดให้องค์กรต่าง ๆ จัดสรรพนักงานที่มีความเสี่ยงทยอยรับบริการได้ที่หน่วยฉีดทุกแห่งทั้งในโรงพยาบาลและศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน หากคนกลุ่มนี้ได้ฉีดวัคซีนเร็วจะช่วยลดการแพร่ระบาด และยังช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็วขึ้นด้วย ปัจจุบัน มีมีศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชนแล้ว 14 ศูนย์ ที่พร้อมให้บริการ และจะเพิ่มเป็น 25 ศูนย์ในเร็ว ๆ นี้ และจะขยายโมเดลนี้ไปจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป

พลเอกประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า ในด้านการจัดหาวัคซีน ขอให้ทุกท่านไม่ต้องกังวลใจ รัฐบาลยืนยันจะจัดหาวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงคนไทยทุกคน รวมทั้งชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในไทย โดยจะจัดหาเพิ่มจาก 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ซึ่ง 100 ล้านโดสแรก รัฐบาลได้เจรจากับผู้ผลิตแล้ว โดยวัคซีนล็อตใหญ่ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยจะส่งมอบได้สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนของผู้ผลิตรายอื่นๆ จะทยอยจัดส่งมา”

“รัฐบาลจะร่วมมือกับทุกฝ่ายทำงานแข่งกับเวลา เพื่อปกป้องคนไทยทุกคนให้พ้นจากโควิด เพราะสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อาจมีสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงมากขึ้น แต่การฉีดวัคซีนจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสในการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการ เราจึงต้องเร่งฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด  และจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง  ตามเป้าหมายคือเดือน มิ.ย.นี้ ปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรก จึงขอเชิญชวนทุกคนมาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อให้ประเทศไทยพ้นวิกฤติ และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เข้มแข็งอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปฐมนตรี กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :