เสนอเอกชนช่วยลงทุนสำรองเงินให้รัฐจัดซื้อวัคซีนสรรพคุณสูงให้ประชาชนเข้าถึง

09 เม.ย. 2564 | 02:05 น.

หมอธีระเสนอเอกชนช่วยลงทุนสำรองเงินให้รัฐจัดซื้อวัคซีนสรรพคุณสูงให้ประชาชนเข้าถึง เชื่อเกิดประโยชน์กับสังคมโดยรวม

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า สถานการณ์ทั่วโลก 9 เมษายน 2564...

อินเดียทะลุ 13 ล้านเป็นประเทศที่ 3 ในขณะที่โปแลนด์แซงโคลอมเบียขึ้นเป็นอันดับที่ 11 ของโลก

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 832,312 คน รวมแล้วตอนนี้ 134,480,603 คน ตายเพิ่มอีก 16,141 คน ยอดตายรวม 2,913,764 คน

อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 75,916 คน รวม 31,713,159 คน ตายเพิ่ม 951 คน ยอดเสียชีวิตรวม 573,779 คน อัตราตาย 1.8%

บราซิล ติดเพิ่ม 82,826 คน รวม 13,279,857 คน ตายเพิ่มถึง 3,928 คน จำนวนเสียชีวิตต่อวันมากที่สุดในโลก ยอดเสียชีวิตรวม 345,025 คน อัตราตาย 2.6%

อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 131,893 คน รวม 13,057,954 คน ตายเพิ่ม 802 คน ยอดเสียชีวิตรวม 167,694 คน อัตราตาย 1.3% จำนวนการติดเชื้อเพิ่มต่อวันขณะนี้สูงกว่าสถิติมากสุดในระลอกแรกถึง 34.7% และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากพิจารณาตามจำนวนประชากร ความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่ อาจเป็นไปได้ว่าระลอกสองนี้อาจทำลายสถิติของอเมริกา ถ้าไม่สามารถควบคุมได้

              ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 15,869 คน ยอดรวม 4,939,258 คน ตายเพิ่ม 345 คน ยอดเสียชีวิตรวม 98,065 คน อัตราตาย 2%

              รัสเซีย ติดเพิ่ม 8,672 คน รวม 4,614,834 คน ตายเพิ่ม 365 คน ยอดเสียชีวิตรวม 101,845 คน อัตราตาย 2.2%

              อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร อิตาลี ตุรกี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน

              แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

              แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า

              แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ที่รุนแรงมากขึ้นชัดเจนคืออิหร่าน กำลังเจอระลอกสาม ซึ่งยอดติดเชื้อต่อวันขณะนี้มากกว่า 22,000 คนต่อวัน สูงกว่าระลอกแรกถึง 7 เท่า และสูงกว่าระลอกสอง 1.6 เท่า

              เกาหลีใต้ กัมพูชา และไทย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่เมียนมาร์ ออสเตรเลีย และเวียดนาม ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

9 แนวทางปฏิบัติตนยุค New Normal

              ...ประเด็นวัคซีนนั้น...

              จุดสำคัญอยู่ที่การพยายามทุกวิถีทางให้ได้วัคซีนสรรพคุณสูงเข้ามาต่างหาก มิใช่เรื่องขึ้นทะเบียน No fault compensation นั้นเป็นเงื่อนไขที่รัฐควรรับผิดชอบที่จะดูแลประชาชนทุกคนหากรับวัคซีนแล้วเกิดผลข้างเคียง ซึ่งแน่นอนว่าวัคซีนโควิดที่ผลิตขึ้นในโลกขณะนี้ย่อมมีเงื่อนไขเดียวกันที่รัฐของแต่ละประเทศต้องพิจารณายอมรับหากต้องการจะได้มา โดยหากมองเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับ กับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น หลายประเทศทั่วโลกจึงไม่ลังเลใจที่จะจัดหาวัคซีนต่างๆ เหล่านั้นมาให้ประชาชน

              ดังนั้นหากช่วยกัน ก็น่าจะเป็นไปได้ที่เอกชนช่วยลงทุนสำรองเงินเพื่อให้รัฐจัดซื้อ รัฐทำข้อตกลงจัดซื้อ และนำวัคซีนเข้ามาเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ แม้จะเป็นการจ่ายเต็มหรือร่วมจ่ายสำหรับวัคซีนสรรพคุณสูงที่เป็นทางเลือกเหล่านั้น ก็น่าจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม โดยหากเกิดผลข้างเคียงจากวัคซีน กองทุนสุขภาพต่างๆ ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม และข้าราชการ ก็ช่วยในการดูแลรักษาหากเกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งจากข้อมูลสถิติทั่วโลกที่ใช้วัคซีนเหล่านั้นก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก และมีข้อมูลที่ชัดเจนกว่าวัคซีนบางตัวที่เราคุ้นเคยเสียด้วยซ้ำ

              สำหรับสถานการณ์การระบาดของไทยเรานั้น ประเมินว่านี่คือผลกระทบต่อเนื่องจากมาตรการของหน่วยงานที่เลือกใช้ในช่วงระลอกสองตอนปลายปีถึงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ และยิ่งหนักขึ้นเมื่อเลือกใช้วิธีปิดประตูตีแมว จนทำให้เปลี่ยนภูมิศาสตร์การระบาด

              เราจึงเห็นการติดเชื้อรายวันอย่างต่อเนื่อง และลามไปเรื่อยๆ หลากหลายสถานที่ หลากหลายกลุ่มเป้าหมาย และกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค ทั้งโรงงาน ตลาด สถานบันเทิง ร้านอาหาร โรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล งานศพ งานแต่งงาน ฯลฯ

              บทเรียนของหลายประเทศทั่วโลกเค้าชี้ให้เราเห็นมาแล้วล่วงหน้าว่า พอมาถึงวิกฤติเช่นนี้ จะยากที่จะควบคุม ความปากกล้าขาแข็ง คุยว่า กระจอก...เอาอยู่...เพียงพอเหลือเฟือ...จะไม่มีทางเป็นไปได้หากเจอการระบาดหนัก

ทางเลือกที่เราทุกคนพอจะช่วยกันทำได้นั้น มีดังนี้ครับ

รัฐ...ควรปรับระบบการบริหารจัดการ ศบค.ควรใช้ระบบเดิมของการจัดการระลอกแรก ไม่ควรใช้การแบ่งอำนาจการจัดการเป็นส่วนๆ ไปให้ระดับกระทรวงดังที่เห็นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

              รัฐ...ควรเร่งระดมจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบการตรวจคัดกรองโรคโควิด โดยตั้งเป้าให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างน้อย 2 ครั้งต่อคนต่อปี

              รัฐ...ควรจัดหาวัคซีนสรรพคุณสูงเข้ามาใช้ในประเทศให้ได้ ไม่ว่าจะทำโดยวิธีใดก็ตาม

              ในขณะที่ประชาชนนั้น...การอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ...นั้น เป็นสิ่งที่สมควรทำหากพอทำได้ แต่หากยังต้องออกไปทำงาน ขอให้เดินทางเท่าที่จำเป็น ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด  การใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย และชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า จะช่วยป้องกันได้ดีขึ้นกว่าชั้นเดียวครับ

              ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร และระลึกเสมอว่าเรามีโอกาสติดเชื้อได้เสมอโดยไม่รู้ตัว จึงควรประเมินตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ต้องหยุดเรียนหยุดงาน แล้วรีบไปตรวจรักษา อย่าซื้อยากินเองหรือรอให้หายเอง อย่างน้อยขอให้ปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ใกล้ตัว

              โรงพยาบาลหลายแห่งมีการระบาด และหากคุมไม่ได้ อาจต้องมีการปิดทำการ ดังที่เราเห็นในประเทศอื่น ซึ่งจะเกิดผลกระทบมากมายตามมา โดยการระบาดครั้งนี้มีบุคลากรหลายคนที่ติดจากการใช้ชีวิตประจำวันไปสถานบันเทิง

              จึงอยากขอเตือนทุกคนที่ทำงานในโรงพยาบาล ทั้งผู้บริหาร บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรฝ่ายสนับสนุน นิสิตนักศึกษาต่างๆ ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด เข้มให้มากกว่าที่เราเตือนประชาชน เพราะหากเราติดขึ้นมาแล้ว จะก่อให้เกิดผลกระทบมากมาย

              ตลอดสัปดาห์หน้า...ช่วยกันอยู่บ้านนะครับ เพื่อจัดการปัญหาที่เราเผชิญนี้ให้ได้

เอาใจช่วยทุกคน

ด้วยรักและปรารถนาดีเสมอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :