สถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศไทย ยังมียอดติดเชื้อในหลักร้อยคนต่อวัน ต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค. 2563 จนถึงต้นสัปดาห์นี้ ทำให้มียอดผู้ป่วยโควิด-19 สะสมจำนวน 12,594 คน รักษาหายแล้ว 9,356 คน และมีผู้เสียชีวิต 70 คน เฉพาะสถานการณ์ในไทยแม้มีผู้ติดเชื้อหลักร้อย แต่สถานการณ์ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ อันเนื่องมาจากการเข้าตรวจมีจำนวนน้อย ส่วนใหญ่เน้นสอบสวนโรคเชิงลึกในวงที่คาดว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคจำนวนมาก และประเมินกันว่ามีผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการอยู่พอสมควร
การที่สถานการณ์ระบาดยังอยู่ในขั้นเสี่ยงสูงการจัดหาและบริหารจัดการวัคซีน จึงเป็นความหวังสำคัญในการคลี่คลาย แม้จะมีหลายฝ่ายออกมาประเมินว่าวัคซีนไม่ได้เป็นทางออกทั้งหมดและโรคนี้จะยังอยู่ในระยะกลาง-ยาว แม้จะได้รับวัคซีนแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นความหวังเปรียบเหมือนนํ้าในทะเลทราย ที่อาจช่วยผ่อนคลายและแบ่งเบาความกังวลในจิตใจ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงลงบ้าง
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาให้คำยืนยันยัน วัคซีน “แอสตร้า เซนเนก้า” ได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว และทุกวัคซีนสามารถขึ้นทะเบียนรับรองได้โดยไม่ปิดกั้น โดยต้องผ่านการรับรองมาตั้งแต่ต้นทางก่อน ในด้านการฉีดวัคซีน จะมีจัดลำดับตามความสำคัญ ระหว่างนี้ให้ศึกษาข้อมูลการฉีดวัคซีนของต่างประเทศ เพื่อเตรียมมาตรการป้องกัน และในอนาคตอาจจะพิจารณาวัคซีนจากบริษัทอื่นที่มีคุณภาพ และราคาถูกลงมาให้บริการประชาชนและจะไม่ให้มีการผูกขาด โดยจะจัดให้วัคซีนเป็นสินค้าควบคุมดูแลในระยะแรก และใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่รัฐบาลต้องควบคุมไม่ปล่อยให้ใครนำเข้ามาก็ได้
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขยืนยันเช่นกันว่า ขั้นตอนการจัดหาวัคซีน มีระบบรัดกุมและเป็นไปตามแผน มีกลไกชัดเจน มีการตั้งคณะทำงานที่เกี่ยวข้องขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการวิจัยและเก็บข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการให้วัคซีนสำหรับคนไทยมีคุณภาพ และปริมาณเพียงพอครอบคลุม 50 % ของคนทั้งประเทศภายในกลางปี 2564 และศึกษาความเป็นไปจากทุกรายที่ผลิตวัคซีน แต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเนื่องจากเป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทผู้ผลิต จึงไม่ใช่การเลือกเพียงรายใดรายหนึ่ง
เราเห็นด้วยกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีและกระทรวงสาธารณสุข ในการจัดหาวัคซีนทั้งการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงจองซื้อ COVAX Facility การทำข้อตกลงจองซื้อจากแอสตร้าเซนเนก้าและเปิดทางให้กับผู้ผลิตรายอื่นรวมทั้งภายในประเทศ เพียงแต่ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงกับประชาชนให้ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการจัดลำดับก่อน-หลังของผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนควบคู่ไปพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุดในการบริหารจัดการวัคซีน