เรามาถึงยุค คิดอะไรไม่ออก ขอให้บอก“ไพรินทร์”

21 ส.ค. 2563 | 10:15 น.

เรามาถึงยุค คิดอะไรไม่ออก ขอให้บอก“ไพรินทร์” : คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3603 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 23-26 ส.ค.2563 โดย...กระบี่เดียวดาย

 

เรามาถึงยุค

คิดอะไรไม่ออก

ขอให้บอก“ไพรินทร์”
 

     การเมืองกำลังเข้าสู่โหมดทะลักจุดเดือดเข้าไปทุกที หลังม็อบนักเรียน นักศึกษาบานสะพรั่งไปทั้งท้องทุ่ง ตะโกนก้องหยุดคุกคามประชาชน แก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา ไม่เอาแล้วนายกฯลุงตู่ พอกันที จากนี้จะต้องติดตามกันแบบไม่กระพริบตาเลยทีเดียว
 

     ประการหนึ่งของม็อบ เกิดจากความไม่พอใจสั่งสมหลายๆ เรื่อง ทั้งการครองอำนาจที่ยาวนานนำไปสู่การจัดสรรทรัพยากรที่หลายฝ่ายมองเห็นว่าไม่เป็นธรรม
 

     ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องก็เป็นอีกประการหนึ่งที่สำคัญ สืบเนื่องจากประการแรก ที่บุคคลใกล้ชิดขุมพลังอำนาจอ้วนพี แต่ฐานรากอดอยากหิวโหย ผสมผสานกันเข้าเป็นความไม่พอใจสะสม จึงจุดติดแบบไฟลามทุ่ง
 

     อยู่ที่นายกฯ จะทะลวงฝ่าหนทางข้างหน้าอย่างไร !!

     การแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายใต้การอำนวยการของนายกฯ ว่ากันว่าไม่ต้องมองที่ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ หรือ ปรีดี ดาวฉาย แต่ให้โฟกัสที่ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่เปรียบเป็นยาสามัญประจำบ้านของนายกฯไปแล้ว
 

     เรียกว่าเหลียวซ้าย แลขวา “คิดไม่ออก บอกไพรินทร์”
 

     ลองไล่เรียงดูที่นายกฯใช้งาน ไพรินทร์ ตั้งแต่ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม ในรัฐบาล คสช. ลุกจากเก้าอี้ รมช.คมนาคม มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในด้านเศรษฐกิจ ร่วมทีมกับ สุพัฒนพงษ์  หลังจากลุกจากเก้าอี้รมช.คมนาคม ยังไปนั่งเป็นประธานบอร์ดจีพีเอสซี บริษัทที่ทำธุรกิจไฟฟ้าในเครือปตท. ขณะนี้ก็ยังนั่งเก้าอี้นี้อยู่
 

     ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นายกฯ ยังตั้ง ไพรินทร์ เข้าไปทำแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทย ซึ่งต้องลาออกภายหลัง เมื่อส่อผลประโยชน์ที่ขัดกัน หลังจากที่เพิ่งลุกจากเก้าอี้รมช.คมนาคม ดูแลการบินไทยมาก่อน ยังไม่พ้นช่วงเวลาที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
 

     นายกฯ ยังใช้บริการไพรินทร์ เข้าไปเป็น ประธานกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นั่งหัวโต๊ะทำหน้าที่ขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจให้มีผลในทางปฏิบัติ เร่งรัดติดตามการดำเนินมาตรการของหน่วยงานต่างๆ โดยมีปลัดกระทรวง 11 กระทรวงเป็นลูกทีม

     ล่าสุดไพรินทร์ ยังได้รับความเห็นชอบในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด ปตท.) ที่มี นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย เป็นประธาน ให้เข้าไปเป็นกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แทน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ กรรมการ และประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร ที่ลาออกเมื่อวันที่ 23 ก.ค.2563 เพื่อไปรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยไพรินทร์จะมีระยะเวลาทำงานในตำแหน่งนี้ แค่ 7 เดือนเท่านั้น เนื่องจากจะครบ 65 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 8 ก.ค.2564 ซึ่งเป็นไปตามพ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ
 

     ไม่เป็นไร จะเหลือ 7-8 เดือนก็ตั้งไปก่อน เรื่องระยะเวลา ความเหมาะสม ไม่ได้เป็นขีดจำกัดในการแต่งตั้ง “ก็จะทำไม มีอะไร ก็จะตั้ง ว่ากันไป”
 

     ไม่ได้กังขาความรู้ ความสามารถไพรินทร์ ที่เคยนั่งเป็น CEO ปตท.มา เป็นครูบาอาจารย์มา แต่ไม่รู้นายกฯพิศวงหลงใหลอะไรไพรินทร์ หนักหนา หรือไม่มีใครให้ใช้บริการได้เลย
 

     ว่าก็ว่าในระหว่างนั่ง CEO ปตท.มิใช่รึ ที่คดีไพรินทร์เองก็ยาวเหยียด อยู่ในระหว่างการฟ้องร้องในศาล 5 คดี และอยู่ในระหว่างขั้นตอนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 2 เรื่อง
 

     เอาเถอะ! ระหว่างการไต่สวน ระหว่างการตั้งเรื่อง หรืออาจจะมีการหยิบไปฟ้องเพื่อกลั่นแกล้งก็เป็นได้ ระหว่างนี้ถือเป็นผู้บริสุทธิ์
 

     แต่ต้องระมัดระวังการทำงานในหน้าที่ทั้งรัฐและเอกชนที่ซ้อนๆ กันหลายหมวกระหว่างนี้
 

     อย่าให้เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน
 

     นึกไม่ออกจริง ถ้าเกิดว่าศบศ.ชุดเล็ก เสนอให้ศบศ.ชุดใหญ่เร่งรัดการลงทุนของรัฐวิสาหกิจปตท.สักโครงการใดโครงการหนึ่ง

     จะกลายเป็นปัญหาที่ซ้อนทับของนายกฯลุงตู่หรือไม่!!!