ถอดบทเรียนเมืองนอก "การ์ด" อย่าเพิ่งตก

16 เม.ย. 2563 | 12:54 น.

รายงานพิเศษ : ถอดบทเรียนเมืองนอก "การ์ด" อย่าเพิ่งตก

“การ์ดอย่าตก” ภาษาของวงการมวย ที่ประยุคกลายเป็นวลีทางด้านสาธารณสุข ในการแถลงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19)  ของ "นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน" โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่ฉายให้เห็นภาพของความไม่ประมาท แม้จะเบาใจได้บ้างกับตัวเลขผู้ป่วยที่ลดลง

ถอดบทเรียนเมืองนอก "การ์ด" อย่าเพิ่งตก
ท่ามกลางความเครียดต่อการใช้ชีวิตที่ยากลำบากของคนไทยทั้งประเทศกับสถานการณ์นี้ จนมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณา “ผ่อนปรน” มาตรการต่างๆจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้แล้ว ในเมื่อตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ลดง

โฆษก ศบค.  ตอบคำถามเรื่องนี้ว่า “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานศูนย์ ศบค. กล่าวถึงปัจจัยสำคัญในการพิจารณามาตรการผ่อนปรนคือ จากปัจจัยด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม ซึ่งมีความสำคัญทั้งสิ้น โดยเน้นสุขภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด 

“ดังนั้น การพิจารณามาตรการผ่อนปรนจะขึ้นอยู่กับจำนวนตัวเลขของการเจ็บป่วย ว่ามีมากน้อยเพียงใด หากประชาชนผนึกกำลังกัน ร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด การเว้นระยะห่างทางสังคม Social Distancing ที่กำหนดไว้ ทำให้จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อและอัตราการแพร่ระบาดของโรคลดน้อยลง ซึ่งส่งผลต่อการใช้มาตรการผ่อนปรนได้ ทั้งนี้ ความมีวินัย ร่วมมือเดินหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันของประชาชน 90% ขึ้นไป จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างแน่นอน”

 

ส่วนบางพื้นที่ อาทิ จังหวัดชลบุรีเตรียมมาตรการผ่อนคลายสถานการณ์ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ หมอทวีศิลป์ อธิบายว่า ตามที่ได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งมีผลแต่วันที่ 26 มีนาคมถึงวันที่ 30 เมษายน หากไม่ได้มีการประกาศขยายระยะเวลาวันที่ 1 พฤษภาคม จะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งประชาชนจะต้องปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ในส่วนของการหยุดหรือขยายระยะเวลาการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคด้วย โดยจะมีการประชุมประเมิน 1 สัปดาห์ ก่อนวันที่สิ้นสุดการประกาศฯ 

ในการอธิบาย โฆษกศบค. ยังได้ยกตัวอย่างสถานการณ์ของโลกให้เห็นภาพชัดขึ้น ณ วันที่ 16 เม.ย. 63 ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่  2,080,000  คน  เสียชีวิต 130,000 กว่าคน สหรัฐอเมริกา เสียชีวิต 28,000 รายการเพิ่มขึ้นในวันเดียวถึง 2,482 ศพ  สเปน มีผู้เสียชีวิต 18,000 กว่าราย อิตาลี 21,000 ราย ฝรั่งเศส 17,000 รายและอังกฤษ เสียชีวิต 12,800 ราย

ถอดบทเรียนเมืองนอก "การ์ด" อย่าเพิ่งตก

สถานการณ์ในกลุ่มอาเซียนและเอเชียนั้น ประเทศเกาหลีใต้ อยู่อันดับที่ 23 มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น 22 ราย ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 10,613  ราย เสียชีวิต 200 กว่าราย ญี่ปุ่น อันดับที่ 24 ผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 741 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 8,000 กว่าราย ฟิลิปปินส์ อันดับที่ 36 ผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 230 ราย อินโดนีเซีย อันดับที่ 38  ผู้ป่วยรายใหม่ 297 ราย มาเลเซีย อันดับที่ 39 ผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 85 ราย สิงคโปร์ อันดับที่ 45 ผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 447 ราย ภายในวันเดียว  ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 50  ผู้ป่วยรายใหม่ 29 ราย  

จากนั้นมีการยกตัวอย่างที่เห็นภาพชัดขึ้น โดยนำโมเดลการบริหารสถานการณ์ของ “เกาหลีใต้” มาเทียบให้เห็นว่า เกาหลีใต้ ใช้ 4 นโยบายหลักในการป้องกันและควบคุม COVID-19 ทำให้สถานการณ์ของเกาหลีใต้ดีขึ้น 1.เปิดเผยข้อมูลความเป็นจริงทั้งหมด โปร่งใส ซึ่งไทยก็ดำเนินการเช่นกัน 2. การกักกันเชื้อ (Containment) และการชะลอการแพร่ระบาด (Mitigation) ซึ่งไทยใช้ State Quarantine หรือ Home Quarantine หรือ Local Quarantine ร่วมกับการใช้ Social Distancing  

3. ระบบการตรวจโรคและรักษา เช่นเดียวกับไทย รวมทั้งไทยยังมีโรงพยาบาล และเตียงผู้ป่วยเพียงพอรองรับผู้ป่วยเต็มที่ และ 4. รับการคัดกรองอย่างกว้างขวาง (Massive Screening) และระบบการติดตามผู้ป่วยสงสัย (Fast Tracking Suspect Cases) ซึ่งไทยใช้ Active Cases Finding เป็นการตรวจแบบเจาะกลุ่ม ซึ่งไม่ได้แตกต่างกับของเกาหลี นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังมีนโยบายเสริมคือ ให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่โบสถ์ออนไลน์ โดยแปลงจากที่ต้องเดินทางไปโบสถ์จริงเป็นโบสถ์ออนไลน์ คือ ตนเองอยู่บ้านและการปฏิบัติพิธีทางศาสนาไม่หายไป

ถอดบทเรียนเมืองนอก "การ์ด" อย่าเพิ่งตก

ถอดบทเรียนเมืองนอก "การ์ด" อย่าเพิ่งตก

“ไทยยังขาดการติดตามตัวบุคคลอย่างเคร่งครัด ขณะที่เกาหลีใต้ใช้แอพพลิเคชั่น Corona 100m ดึงข้อมูลจากหลายแหล่งรวมทั้งโลเคชั่นจากมือถือของประชาชนเกาหลีใต้ รวบรวมเป็นประวัติติดเชื้อ และเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวโดยทำเป็นแผนที่เรียกว่า Coronamap Site พร้อมระบบแจ้งเตือนประชาชนผ่าน SMS ถ้าพื้นที่เสี่ยง 3 ระดับคือเขียว เหลือง แดง มีผู้ติดเชื้อควรหลีกเลี่ยงที่จะเดินเข้าไป ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งต้องมีการพูดคุยกัน หากการระบาดมากขึ้นเพื่อควบคุมคนที่ติดเชื้อให้ได้”


ส่วนประเทศจีน มีการคาดการว่ามีผู้ป่วยโควิด -19 ไม่แสดงอาการซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดผลตรวจผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด -19 จำนวน 6,764 คน พบ  1,297 คนเท่านั้นที่มีอาการป่วย หมายความว่า 19.1% หรือประมาณ 20%  คือ 5 คนที่ป่วยมี 1 คนเท่านั้นที่มีอาการ นอกนั้นอีก 4 คนมีเชื้ออยู่แต่ไม่แสดงอาการ ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับการควบคุมสถานการณ์

ขณะที่ประเทศญี่ปุ่น โฆษกศบค.ใช้คำว่า “ทรุดหนัก” ทางการเตือนอาจมีผู้ติดเชื้อเพิ่มหลายแสนคน พร้อมเตือนว่า หากคนญี่ปุ่นไม่ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่ง อาจจะมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 850,000 กว่าคนทั่วประเทศ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจจะมีผู้เสียชีวิตครึ่งหนึ่ง  ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยติดเชื้อของญี่ปุ่นมีมากกว่า 8,000 คนแล้ว เสียชีวิตไปแล้ว 170 กว่าคน และ 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อ อยู่ในกรุงโตเกียว 

“ ญี่ปุ่นมีความกังวลใจมากเพราะมีประชากรผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก เพราะคนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือผู้สูงอายุ ที่จะต้องมากลายเป็นผู้ที่จะต้องป่วยหนักและเสียชีวิตมากที่สุด  ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”

ดังนั้นจึงมีคำแนะนำที่ประชาชนเข้าใจง่ายๆด้วยว่า อาการสงสัยที่อาจแสดงว่าพบเชื้อโควิด -19 เช่น อาการไอแห้งๆ และมีไข้ เพียงแค่อาการ 2 อย่างนี้ ถือว่ามีอาการ รวมทั้งมีอาการสูญเสียการได้กลิ่นและรับรส 

“ดังนั้นการ์ดห้ามตก หากเกิดอาการเหล่านี้หลายวันให้มาตรวจหาเชื้อได้ ตรงนี้เป็นตัวบ่งชี้และเชื่อว่าคนที่ติดเชื้อไวรัสจะมีอาการแสดงลักษณะแบบนี้เกิดขึ้น”