อนุบาลตลาดหุ้น

18 ม.ค. 2560 | 11:00 น.
ผมใช้เวลาพอสมควรในการตอบตกลงเขียนคอลัมน์ลงในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจตามคำชวนของกองบรรณาธิการท้ายที่สุดก็ตัดสินใจว่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมาบทเรียนที่ได้ทำและประสบทั้ง “ดีและเลว”“ล้มเหลว” และที่หลายคนเรียกว่า “ความสำเร็จ น่าจะเป็นประโยชน์ หากนำถ่ายทอดเพื่อเป็นบทเรียนและประสบการณ์เพื่อสาธารณะและสังคม
ชื่อของบทความ“พอเพียง… อย่างพอใจ” เป็นชื่อที่ผมเลือกเองและเป็นแนวความคิดและมโนทัศน์ของบทความนี้

“พอเพียง” คำยอดนิยมของคนไทยในปัจจุบัน แต่เป็นแนวคิดที่สวนทางกับทฤษฎีการลงทุนสากลของโลก ที่เน้นเป้าหมายคือการ Maximize Profit ที่เป็นตัวเงิน

หากท่านมองหา… การใบ้หุ้น… เทคนิคการเล่นหุ้น… ข้อมูลภายใน หรือเนื้อหาใดก็ตามที่เป็นประโยชน์เพื่อทำกำไรให้ท่านรวยขึ้น ท่านจะเสียเวลากับการอ่านบทความนี้

ประสบการณ์ (ทั้งดีและร้าย) ตลอด 12 ปีที่ผมมีมาในการทำงาน การลงทุน และการใช้ชีวิตที่ต้องคลุกคลีกับผู้คนมาก มายในทุกระดับจนเกิดการตกผลึกด้านแนวคิด จะถูกถ่ายทอดอยู่ในบทความนี้

จุดเริ่มต้นของนักเลงหุ้น… จุดประสงค์ในการลงทุนคืออะไร?

นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีการวางแผนและกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนการลงทุนอีกทั้งยังไม่มีความรู้เพียงพอที่จะตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบมองเหรียญด้านเดียว เห็นคนอื่นรวยจากการเล่นหุ้นแล้วจึงอยากทำบ้าง ทั้งหมดเริ่มต้นจากความ “โลภ” ความอยากมีอยากได้ คือกิเลสตัวฉกาจ ที่ทำให้นักลงทุนพลาดพลั้งและเสียหายในการลงทุน

ผู้อ่านหลายท่านอาจมีประสบการณ์การเล่นหุ้นตั้งแต่สมัยเคาะกระดานที่สยามสแควร์(ปี 2518-2526) หรือสมัยราชาไฟแนนซ์ (ปี 2522) หรือ สมัยต้มยำกุ้ง (ปี 2540) ลองพาตัวเองกลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อนเถอะครับว่าจุดประสงค์ในการลงทุนของท่านคืออะไร? เล่นหุ้นเพื่ออะไร?

เพื่อบริหารเงินเย็นที่เหลือใช้ให้มีผลตอบแทนมากขึ้น? งานอดิเรก? เพื่อตื่นเต้นกับการเก็งกำไรเสี่ยงโชค? เพื่อการศึกษาและหาโอกาสใหม่ๆ? เพื่อเข้าสังคม? เพื่อการครอบงำและยึดครองบริษัทเพื่อมากำหนดทิศทางเอง? เพื่อให้ได้สิทธิ์ไปประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเอาของชำร่วย หรือเพื่อไปก่อกวนผู้บริหารและสร้างราคาให้ตนเอง?ฯลฯ

และผลตอบแทนที่ท่านคาดหวังคือ“เท่าไหร่” เช่น กี่%ต่อปี? กำไร เท่าไหร่แล้วจะ“พอ”?

แล้วท่านสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่? อะไรคือปัจจัยให้ท่านผิดพลาด? ท่านพอใจและมีความสุขใจหรือไม่ในการลงทุนที่ผ่านมา?

ทุกคนมีแนวทางและความคิดแตกต่างกันไม่มีถูก หรือผิด ในคำถามเหล่านี้ ผมเพียงอยากให้ทุกท่านทบทวนยุทธศาสตร์และเป้าหมายของตนเองอีกครั้งก่อนเริ่มเดินทางต่อไปบนเส้นทางการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นกิเลสชั้นในของสันดานดิบมนุษย์คือ ความโลภและความหลง

ส่วนตัวผม หลายเรื่องราวถูกๆ ผิดๆ ที่คนมักเล่าเกี่ยวกับผม ผมไม่อายที่จะเล่าว่าผมเริ่มต้นเล่นหุ้นแบบไร้ยุทธศาสตร์ ไม่มีประสบการณ์มีแต่ใจที่กล้าได้กล้าเสีย พร้อมกับความโลภและความมั่นใจเต็มกระเป๋า ความรู้ที่มีก็แค่หลักทฤษฎีปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมีชื่อ ผมตั้งเป้าว่าหากมีเงินสัก 10 ล้านบาท จะไปขอแฟนเก่าแต่งงาน คิดแบบวัยรุ่น (คือไม่ได้คิด) คือต้องรีบที่สุดในการประสบความสำเร็จโดยไม่คิดถึงผลลบที่จะตามมา

...จากเงินเก็บ 2 แสนบาททั้งชีวิต ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนในปี 2546-47 ผมขาดทุนไปกว่า 2 ล้านกว่าบาทเพราะการเล่น Day Trade เก็งกำไรแบบบ้าคลั่ง ไม่รู้แม้ว่าหุ้นที่ซื้อทำธุรกิจอะไรด้วยซํ้า ผลประกอบการเป็นอย่างไร ทำให้นักเรียนนอก(คอก) อย่างผมต้องกลับมาเลียแผลและวิเคราะห์ความผิดพลาดของตนเองใหม่

การสอบตกอนุบาลตลาดหุ้นอย่างน่าอาย เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผม… ให้เดินทางต่อสู่ระดับประถมของตลาดหุ้นต่อไปด้วยเงินเดือนเพียง 18,000บาท…

(ติดตามประถมตลาดทุนในตอนต่อไปครับ)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,228 วันที่ 19 - 21 มกราคม 2560