เมียนมา 4.0 ‘ซูจี’ ลั่นพร้อมนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา กล่าวปาฐกถาพิเศษในเวทีการประชุมASEAN Business and Investment Summit 2019 (ABIS) จัดโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานีวานนี้ (2 พ.ย.) ว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจของเมียนมานั้น เน้นให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆกับการสร้างงาน การพัฒนาคน และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ

“การรับมือการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะท่ามกลางบริบทที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว แต่กระนั้นเมียนมาก็ยังมีความหวังและตระหนักดีว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรม(ยุคที่4) กำลังส่งผลกระทบต่อเมียนมาในทุกมิติ ดังนั้น การบ่มเพาะคนรุ่นใหม่จึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะพวกเขาจะเป็นอนาคตของชาติต่อไป” นางอองซาน ซูจีระบุ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า เมียนมาได้พยายามอย่างเต็มที่ในการยกระดับทักษะของแรงงานเพื่อให้ได้รับการจ้างงานในอัตราที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่นโยบายเมียนมา 4.0 ส่งเสริมการก่อตั้งโรงงานอัจฉริยะซึ่งจะบูรณาการเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมที่มนุษย์จะต้องมีบทบาทในการทำงานร่วมกับเครื่องจักรมากขึ้น

ในส่วนของการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมากล่าวว่า MSMEs หรือผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมียนมา ผู้ประกอบการรายย่อยในต่างจังหวัดและเขตชนบทของเมียนมาเติบโตขึ้นมาก สร้างรายได้ให้กับครัวเรือนมากขึ้นและสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินธุรกิจของ MSMEs หรือผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยเหล่านี้ จะก่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เมียนมายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจไปสู่ยุค 4IR (การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่4) โดยได้ผลักดันการปฏิรูปและแผนยุทธศาสตร์(โร้ดแมป) ซึ่งสอดคล้องกับวาระเพื่อการปฏิรูประดับสากล

“เมียนมายังคงทำงานอย่างหนักเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและกฏระเบียบเพื่อดึงดูดการลงทุนมากยิ่งขึ้น” นางอองซานยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมียนมาได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการใช้สมาร์ทโฟน โดยรัฐบาลเมียนมาได้ตั้งเป้าที่จะพัฒนายุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงเครื่องมือสื่อสารอย่างทั่วถึงภายในปีค.ศ.2022 (พ.ศ.2565) ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยี 5G และความร่วมมือด้านเทคโนโลยีไร้พรมแดนเพื่อเพิ่มโอกาสในด้านการค้าและการลงทุนด้วย