พาณิชย์ลุยสำรวจ ผู้นำเข้าทั่วโลก เข็นบิ๊กดาต้าดันส่งออก

ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนมีนาคมล่าสุด ขยายตัวที่ 8.47% เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 28 เดือนนับจากเดือนพฤศจิกายน 2561 ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้การส่งออกของไทยกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 2.27% โดยมีมูลค่าการส่งออก 64,148.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าที่ทำสถิติส่งออกขยายตัวในอัตราตัวเลขสองหลักอาทิ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก และอื่น ๆ  ดังนั้นเพื่อเป็นการผลักดันการส่งออกของไทยให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมแผนเพื่อสนับสนุนการส่งออกในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ 

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สนค.เตรียมหารือร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อสำรวจความคิดเห็นของผู้นำเข้าสินค้าไทยจากทั่วโลก  โดยจะนำข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศหรือทูตพาณิชย์ ที่ทำหน้าที่สำรวจความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ จากผู้นำเข้า เช่น ความต้องการสินค้าประเภทต่าง ๆ ปัญหาอุปสรรคของการนำเข้า สิ่งที่ผู้นำเข้าต้องการให้ไทยปรับปรุง รวมทั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อให้การนำเข้าสินค้าไทยมีความคล่องตัวมากขึ้น วัตถุประสงค์เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาไปเผยแพร่และเป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออกของไทยในการผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้นำเข้ามากขึ้น

“สนค.ต้องมีข้อมูลส่วนนี้ไว้ให้กับทุกฝ่ายเพื่อให้รู้ถึงความต้องการของตลาด เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการตามนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ที่ต้องการให้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (บิ๊กดาต้า) ใช้ร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมั่นใจว่าจะทำได้ภายในปีนี้จากนั้นก็จะเผยแพร่ข้อมูลผ่าน www.คิดค้า.com” 

สำหรับในปี 2564 แม้จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 แต่มั่นใจว่าสินค้าส่งออกของไทยในภาพรวมจะยังขยายตัวเป็นบวก โดยมีสินค้า 10 รายการ ที่คาดว่าจะขยายตัวส่งออกได้ดีในปีนี้และจะมีส่วนผลักดันทำให้การส่งออกของไทยทั้งปีขยายตัวได้แก่ 1.สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ 2.สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องรับโทรศัพท์ ส่วนประกอบและชิ้นส่วน  ตู้เย็น ซึ่งตอบสนองความต้องการของโลกยุคใหม่ที่มีความต้องการเครื่องมือดิจิทัลมากขึ้น ส่วนหนึ่งยังต้องทำงานที่บ้าน (work from home) เพื่อรักษาระยะห่างทางสังคมป้องกันโรคโควิด-19 และรองรับการค้าออนไลน์ที่มีบทบาทมากขึ้น ทั้งนี้มีต่างชาติยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการด้านนี้ผ่านบีโอไอในช่วงปี ก.ค. 2561 ถึงก.ย. ปีที่แล้ว จำนวน 170 โครงการ ซึ่งกว่า 90% มาจากจีน ไต้หวัน ฮ่องกง ที่ส่วนหนึ่งย้ายมาจากได้รับผลกระทบสงครามการค้า

3.สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ที่คนอยู่บ้านกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสสัตว์เลี้ยงลำดับที่ 4 ของโลก รองจากเยอรมนี สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส 4.สินค้าผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ถุงมือยาง ที่ได้รับอานิสงส์จากการระบาดของโควิด-19 และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ถุงมือยางในการผลิต และการบริการสาธารณสุขก็จำเป็นต้องใช้ต่อเนื่อง 

5. สินค้ารถยนต์และส่วนประกอบ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทย ทิศทางก็ขยายตัวต่อเนื่อง 6.สินค้าปศุสัตว์ สุกรแช่เย็นแช่แข็ง ไทยมีความโดดเด่นเรื่องความปลอดภัยของอาหารในปีที่ผ่านมาขยายตัวถึง 200% 7.ไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปขยายตัวต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ 8.สินค้าเกษตร  เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง 9.สินค้ากลุ่มอาหารต่าง ๆ ที่ไทยมีศักยภาพการผลิตสูง เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผักผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง เครื่องปรุงรส  และ 10. สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเนื่องจากราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้นก็ส่งผลให้สินค้า เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย เช่นกัน 

“สินค้าเหล่านี้ของไทยถือว่ามีศักยภาพสูงมาก และไทยเป็นผู้นำด้านการผลิต ไม่ได้แข่งกับภูมิภาคเดียวกันแต่แข่งในระดับโลก” นายภูสิต กล่าว 

หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,674 วันที่ 29 เมษายน - 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564