ไทยย้ำความสำคัญอาเซียน+3 เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

15 พ.ย. 2563 | 08:04 น.

ไทยเน้นย้ำความสำคัญของอาเซียนบวกสามในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุข ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

 

 

วันนี้ (วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2563) เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 23 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีผู้นำและผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนจากทั้ง 10 ประเทศ พร้อมประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายกรัฐมนตรีจีน เข้าร่วมด้วย ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปผลการประชุมดังนี้

 

ไทยย้ำความสำคัญอาเซียน+3  เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

 

 นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวถึงการประชุมว่าเป็นการประชุมเพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือในกรอบอาเซียนบวกสาม โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อหาแนวทางการตอบสนองและบรรเทาผลกระทบ รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศร่วมกัน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีกล่าวว่า ทุกประเทศต้องร่วมมือกันบนพื้นฐานประสบการณ์ความร่วมมือของ ASEAN+3 ซึ่งเป็นกลไกสำคัญเพื่อความเจริญร่วมกัน นอกจากนี้ ได้ย้ำถึงความร่วมมือด้านสาธารณสุขที่ต้องร่วมมือกัน ร่วมพัฒนาวัคซีนให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงได้ และต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคระบาดอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ควบคู่กับการดำเนินนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังโควิด-19 ด้วย โดยเฉพาะการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเชื่อมั่นว่าการหารือในวันนี้จะเป็นการยกระดับความร่วมมือของ ASEAN+3 ในอนาคตต่อไป 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดฉากเจรจายาวนาน 8 ปี  ไทยร่วมลงนาม “อาร์เซ็ป”

“จุรินทร์”ย้ำ ไทยได้ประโยชน์จากRCEP

ขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า มีความร่วมมือจนเห็นผลการพัฒนาในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้พร้อมร่วมมือกันเพื่อเอาชนะความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะโควิด-19 ญี่ปุ่นย้ำพร้อมให้ความร่วมมือ และให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ด้านสาธารณสุข เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการฟื้นฟูที่ให้เป็นเงินกู้กับประเทศสมาชิก ด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีนได้บริจาคเงินเข้ากองทุน ASEAN+3 เพื่อรับมือโควิด-19 ด้วย

 

ไทยย้ำความสำคัญอาเซียน+3  เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

 

ด้านนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อปัญหาทางด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ การประชุมอาเซียนบวกสามสมัยพิเศษเมื่อต้นปี ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อร่วมรับมือ รักษาห่วงโซ่อุปทาน ทั้งนี้ กลไก ASEAN+3 มีความเข้มแข็ง ตอบสนองต่อความท้าทายต่างๆ ในยามที่เราเดือดร้อน เราต้องช่วยเหลือกัน สะท้อนถึงมิตรภาพที่มีต่อกัน เราจะร่วมมือเดินหน้าหากต้องเผชิญการระบาดรอบ 2 ต้องรักษาห่วงโซ่อุปทานให้มั่นคง จีนยินดีช่วยเหลือและร่วมมือกับอาเซียน ในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ รวมทั้งจะสร้างสันติภาพความมั่นคงด้วยความร่วมมือที่จริงใจต่อกัน

 

ไทยย้ำความสำคัญอาเซียน+3  เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

 โอกาสนี้พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีไทยได้กล่าวสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก และประชาคมเอเชียตะวันออกที่แข็งแกร่ง มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ พร้อมเสนอ 3 แนวทาง ดังนี้

 

 1. เสริมสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขอย่างยั่งยืน โดยไทยสนับสนุนให้ประเทศบวกสามสนับสนุนกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-19 และใช้ประโยชน์จากกองทุนฯ อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการจัดหาและจัดสรรอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็น รวมทั้งการพัฒนาวัคซีนและยาที่ทุกประเทศสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ไทยยินดีต่อข้อเสนอของจีนในการจัดตั้งคลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์อาเซียนบวกสามสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และไทยเสนอให้ใช้ประโยชน์จากศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนร่วมกับกลไกเหล่านี้ด้วย

2. สร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้โดยเร็ว และมีรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตต่อไปในระยะยาว นายกรัฐมนตรีกล่าวเชิญชวนประเทศบวกสามให้ร่วมสนับสนุนกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน และที่ประชุมฯ ควรทบทวนและพัฒนากลไกความร่วมมือที่มีอยู่แล้วให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งควรเร่งต่อยอดกลไกมาตรการ “ริเริ่มเชียงใหม่” ไปสู่การเป็นพหุภาคีผ่านการพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจและเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ ควรใช้ประโยชน์จากองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม ซึ่งเป็นแบบอย่างสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 และภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ

 

ไทยย้ำความสำคัญอาเซียน+3  เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

 

 ทั้งนี้ ไทยยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะที่จำเป็น ให้แก่ MSMEs และ Start-ups เพื่อให้สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 และพร้อมรับมือกับความท้าทายในยุค 4IR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ไทยย้ำความสำคัญอาเซียน+3  เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

 3. สานต่อการเสริมสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งไทยสนับสนุนความร่วมมือในด้านความเชื่อมโยงด้านดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคโดยรวม และส่งเสริมการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย

 

ไทยย้ำความสำคัญอาเซียน+3  เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

 

 “ ไทยเน้นย้ำเจตนารมณ์ที่จะร่วมกับทุกประเทศในภูมิภาคในการส่งเสริมสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี พร้อมสนับสนุนกระบวนการแก้ปัญหาอย่างสันติ และหวังที่จะเห็นการเจรจามีความคืบหน้า บนพื้นฐานของการปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน”

 

 ด้านประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีเชื่อมั่นว่าการหารือจะนำไปสู่ผลลัพท์ที่เป็นรูปธรรม สาธารณรัฐเกาหลีจะสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านโควิด-19 อีกทั้งจะให้ความช่วยเหลือผ่านความร่วมมือกับสถาบันวัคซีนในเกาหลีใต้ ช่วยเหลือด้านการแจกจ่ายวัคซีนให้ทั่วถึง รวมทั้งการร่วมช่วยรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้ประชาชนเดินทางระหว่างกันผ่านระบบ Fast Track ยินดีส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อร่วมกันส่งเสริมการพัฒนา ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

ไทยย้ำความสำคัญอาเซียน+3  เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

 

ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ย้ำการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อการเติบโต บนพื้นฐานการค้าเสรี ขอให้มีการดำเนินการอย่างเร็วขึ้นเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน มีการพัฒนาบนพื้นฐานความยั่งยืน สนับสนุนให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยา และแก้ไขประเด็นปัญหาขยะทะเล

 

 นายกรัฐมนตรีจีนได้กล่าวถึงความร่วมมือ ASEAN+3 เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาของเศรษฐกิจตะวันออก นายกรัฐมนตรีจีนเสนอให้ 1. ร่วมมือเพิ่มขีดความสามารถด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมโควิด สู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ จีนพร้อมร่วมมือด้านวัคซีน 2. ต้องพัฒนาความร่วมมือเศรษฐกิจและเขตการค้าเสรี RCEP จะได้มีการลงนามจากทุกภาคส่วนเพื่อบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และการฟื้นฟู 3. อำนวยความสะดวกห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้เศรษฐกิจมีความเชื่อมโยงและบูรณาการกัน โดยเชื่อมั่นว่าจะต้องส่งเสริมการผลิตที่ปลอดภัย ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจออนไลน์ ที่มีความทั่วถึง MSMEs ให้เข้ามามีส่วนร่วมควบคู่ไปกับเศรษฐกิจออฟไลน์ ตลอดจนการลดอัตราความยากจน การจัดการขยะทะเล และรูปแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อความมั่งคั่งควบคู่ไปกับเสถียรภาพ