การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ “กนอ.” รายงานยอดขาย/เช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมไตรมาส 3 ปีงบ 63 (เม.ย.-มิ.ย.63) เพิ่มขึ้น 3.86% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” (Covid-19) ทำให้นักลงทุนไม่สามารถเดินทางเข้ามาติดต่อหรือเยี่ยมชมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมได้ ซึ่งจากการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในนิคมฯของ กนอ.ทำให้ดึงการลงทุนเพิ่มขึ้นได้ช่วงไตรมาส 3 และอานิสงส์จาก "สงครามการค้า" (trade war) ระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน ทำให้นักลงทุนบางส่วนย้ายฐานการผลิตมาไทย เฉพาะกลุ่มยานยนต์-ขนส่ง เหล็ก-ผลิตภัณฑ์โลหะมากสุด
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ กนอ. เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.62 - มิ.ย.63) กนอ.มียอดขาย/เช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม จำนวน 1,696.92 ไร่ ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3.86% โดยคาดว่าเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้นักลงทุนไม่สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่และติดต่อธุรกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจจอง/ชื้อ/เช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งในนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานและนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. ดำเนินการเองได้
ทั้งนี้ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ “อีอีซี” (EEC) มียอดการขาย/เช่าจำนวน 1,598.95 ไร่ และนอกพื้นที่อีอีซี จำนวน 97.97 ไร่ มีการแจ้งเริ่มกิจการใหม่ 114 โรงงาน เกิดการจ้างงานเพิ่ม 12,019 คน ขณะเดียวกันประเทศไทยยังได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้นักลงทุนบางส่วนจากจีนและไต้หวันย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยส่วนใหญ่จะทำสัญญาจองเช่าไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
นอกจากนี้ ผลจากการจัดอันดับของ U.S. News & World Report ที่ระบุว่า ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของโลกประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจจากทั้งหมด 73 ประเทศทั่วโลก แสดงให้เห็นว่านิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ ซึ่งจากการตรวจสอบใบอนุญาตใช้ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมแล้วพบว่าช่วงต้นปี 63 นักลงทุนทยอยมายื่นขออนุญาตการใช้ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเป็นผลให้มีการจ้างงานในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกรวมทั้งไทย ซึ่งการจัดตั้งนิคมฯอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่กระบวนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมก็ไม่ได้หยุดนิ่ง โดยช่วงต้นปี 63 มีการลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงานแล้วจำนวน 4 แห่ง และประกาศเป็นเขตอุตสาหกรรมในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1. นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 6 อำเภอปลวกแดง อำเภอบ้านค่าย และอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง พื้นที่ประมาณ 1,322.40 ไร่ มูลค่าการลงทุนโครงการ ประมาณ 2.62 พันล้านบาท
และ 2. นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง พื้นที่ประมาณ 1,398.04 ไร่ มูลค่าการลงทุน ประมาณ 4.23 พันล้านบาท และมีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการประกาศเป็นเขตอุตสาหกรรม อีก จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะชลบุรี 2 (เขาคันทรง) พื้นที่ประมาณ 902.59 ไร่ มูลค่าการลงทุนประมาณ 2.10 พันล้านบาท และนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย คลีน อินดัสเตรียล ปาร์ค พื้นที่ ประมาณ 1,319.89 ไร่ มูลค่าการลงทุน ประมาณ 2.44 พันล้านบาท
เป็นผลให้มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสะสม ประมาณ 177,261 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ที่นิคมอุตสาหกรรมดำเนินการเอง ประมาณ 39,332 ไร่ และเป็นนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ประมาณ 137,929 ไร่ เป็นพื้นที่ขายและให้เช่า ประมาณ 114,852 ไร่ /เป็นพื้นที่ขาย/ให้เช่าแล้ว ประมาณ 92,019 ไร่ จึงยังคงมีพื้นที่คงเหลือสำหรับขาย/ให้เช่าอีกประมาณ 22,833 ไร่ มีมูลค่าการลงทุนสะสม ประมาณ 4.02 ล้านล้านบาท มีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 6,112 โรง และมีการจ้างงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 515,962 คน
กลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง 16.84% ,2.อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ 11.37% ,3.อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักรและอะไหล่ 9.79% ,4.อุตสาหกรรมยาง พลาสติก และหนังเทียม 8.32% และ5.อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ 7.89%
“นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์ให้ความสนใจมาลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่งถึง 28% รองลงมา คือ นักลงทุนจากประเทศจีน 17% ,ไต้หวัน 9% ,ออสเตรเลีย 6% และฮ่องกง 6%”
สำหรับภาพรวมการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ.ทั้งนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 61 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่งใน 17 จังหวัด เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง 14 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน 47 แห่ง
นางสมจิณณ์ กล่าวต่อไปอีกว่า จากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์นับเป็นการส่งสัญญานที่ดีที่จะทำให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ หลังจากที่นักลงทุนชะลอการตัดสินใจมาระยะหนึ่ง ซึ่งกนอ.เล็งเห็นถึงโอกาสนี้เพื่อพลิกฟื้นวิกฤตต่างๆ ด้วยการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย/เช่าที่ดินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของ กนอ. เพื่อจูงใจนักลงทุนให้หันมาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยแต่ละโปรโมชั่นขึ้นอยู่กับพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากจะสามารถจูงใจให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมเดิมซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น