‘แอร์บีเอ็นบี’บูมในมาเลย์ โรงแรมโวยรัฐเจอธุรกิจแบ่งปันบ้านมาแรง

08 ก.ค. 2559 | 13:00 น.
ธุรกิจแบ่งปันใช้บ้านเพื่อการพาณิชย์ อาทิ แอร์บีเอ็นบี ในมาเลเซียกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในหมู่ประชาชนทำให้อุตสาหกรรมโรงแรม ร้องรัฐบาลให้ออกกฎระเบียบมาควบคุมธุรกิจที่พักในระบบเศรษฐกิจแบ่งปัน ชี้การปล่อยเช่าห้องคอนโดมิเนียมส่วนตัวผิดกฎหมาย

หนังสือพิมพ์เดอะสตาร์รายงานว่านักเดินทางท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย หันมาใช้บริการบ้านแบ่งปันมากขึ้น โดยผ่านระบบแอพแอร์บีเอ็นบี ของสหรัฐอเมริกา หรือ โฮมอะเวย์ของสิงคโปร์ โดยสามารถจองใช้บริการได้ตั้งแต่ห้องเดียวในคอนโดมิเนียมส่วนตัวหรือจะจองทั้งชั้นหรือจะแบ่งปันบ้านส่วนตัวใช้เพื่อการพักในระยะสั้น ๆ ก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีราคาเช่าใช้ต่ำกว่าบริการของโรงแรม

ความนิยมบริการบ้านแบ่งปัน ทำให้อุตสาหกรรมโรงแรมเคลื่อนไหวโดยร้องต่อรัฐว่า บริการบ้านแบ่งปันได้แย่งตลาดโรงแรมไปแล้วประมาณ 5-15% และเตือนว่าผู้ใช้บริการบริการไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายเหมือนกับคนที่พักในโรงแรมและผู้ให้บริการยังไม่ต้องเสียภาษีสินค้าและบริการ (จีเอสที)
เดอะสตาร์ระบุว่าเสียงเรียกร้องจากอุตสาหกรรมโรงแรมทำให้หน่วยงาน 2 แห่งของมาเลเซียคือกระทรวงท่องเที่ยวและวัฒนธรรม และกระทรวงดูแลการปกครองท้องถิ่นเคหะและความเป็นอยู่ที่ดีของเมือง เริ่มมีการพูดคุยและรับฟังปัญหาต่าง ๆ ในประเด็นนี้แล้ว

นายแซม เชีย (Sam Cheah) ประธานสมาคมโรงแรมแห่งมาเลเซีย กล่าวว่าบริการในแพลตฟอร์มโฮมแชริ่ง หรือการแบ่งปันบ้านหรือที่พักอาศัยแบบแอร์บีเอ็นบี เป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจโรงแรม เนื่องจากเจ้าของบ้านให้เช่าพื้นที่อยู่อาศัยของตัวเองแก่แขกซึ่งไม่อยู่ภายใต้กฎระเบียบรวมทั้งมาตรฐานความปลอดภัยเช่นระบบป้องกันเพลิงระดับเดียวกับโรงแรม ทำให้เจ้าของบ้านคิดเช่าต่ำกว่าโรงแรมได้

นายเชีย กล่าวว่า การนำบ้านที่อยู่อาศัยไปให้เช่าแก่นักเดินทางเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เนื่องสถานที่ดังกล่าวใช้เพื่ออาศัย ซึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับผู้อาศัยคนอื่นในอาคารเดียวกันที่ต้องเจอกับคนแปลกหน้ามาเดินเพ่นพ่านอยู่ในอาคารที่มีการอยู่อาศัยรวมและคนเหล่านั้นยังมาใช้สิ่งอำนวยความสะดวกกลางรวมทั้งสระว่ายน้ำ สถานที่ออกกำลังกายที่เตรียมไว้สำหรับผู้อยู่อาศัย

นายเชีย ระบุว่าสมาคมมีโรงแรมที่เป็นสมาชิกถึง 881 แห่ง เชื่อว่าโมเดลธุรกิจสมัยแบบนี้คงห้ามได้ยาก แต่อยากจะให้รัฐบาลออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมธุรกิจแบ่งปันบ้าน ป้องกันความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวโดยยกตัวอย่างโรงแรมต้องทำประกันให้ผู้เข้าพัก โดยการทำเช่นนี้จะทำให้การแข่งขันมีความเท่าเทียมกันยิ่งขึ้น

“รัฐบาลมีเป้าส่งเสริมนักท่องเที่ยว 36 ล้านคนภายในปี 2563 ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีการจัดระเบียบธุรกิจแบ่งปันบ้านเพื่อการพาณิชย์ มิฉะนั้นจะไม่สามารถรู้ได้ว่า มการสร้างที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวเกินความต้องการหรือไม่ เนื่องจากไม่ทราบว่าประเทศมีที่พักสำหรับนักเดินทางมากน้อยขนาดไหน”

ดร. ออง ฮง เป็ง (Dr. Ong Hong Peng) ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว กล่าวว่าทางกระทรวงได้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจซึ่งมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดขึ้นเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของอุตสาหกรรมโรงแรมให้มีการจัดระเบียบบริการแบ่งปันบ้านสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเห็นว่าบริการดังกล่าวแตกต่างจากธุรกิจโฮมสเตย์ ซึ่งรัฐให้การส่งเสริม

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,172 วันที่ 7 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559