‘เลสเตอร์ ซิตี้’ดันแบรนด์ไทยกระหึ่มโลก

10 พ.ค. 2559 | 02:00 น.
ททท.สบช่องทาบ “เลสเตอร์ ซิตี้” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์โปรโมตท่องเที่ยวไทย หลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ช่วยสร้างอิมแพ็กต์ทำการตลาดจากฐานผู้ชมทั่วโลก ชี้คิงเพาเวอร์เปิดกว้างให้เสนอแผนเต็มที่ โดยจะนำร่องจากการเยือนไทย ด้านสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ผนึก คิงเพาเวอร์ สร้างแบรนด์ไทยผงาดโลก ขณะที่ “อัยยวัฒน์” โฟกัสยืนหยัดในพรีเมียร์ลีก เป็นตัวแปรสร้างมูลค่า ต่อยอดธุรกิจควบบูมท่องเที่ยวนักวิเคราะห์ประเมินมูลค่าสโมสรทะลุ 1.5 หมื่นล้านแล้ว

‘เลสเตอร์ ซิตี้’ดันแบรนด์ไทยกระหึ่มโลก

สร้างความฮือฮาช็อกวงการศึกลูกหนังโลกเมื่อ "เสลเตอร์" สโมสรเล็ก ๆ ในประเทศอังกฤษ คว้าแชมป์บาร์เคลย์ พรีเมียร์ลีก สำเร็จ อย่างแสนมหัศจรรย์ ทำให้เอาชื่อของ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าของ คิงเพาเวอร์ ดีวตี้ฟรี และประเทศไทย ดังกระหึ่มไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน ในฐานะเจ้าของทีมฟุตบอลและกลางเดือนนี้ เลสเตอร์ เตรียมยกพลมาฉลองในประเทศไทย

ต่อเรื่องนี้นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในขณะนี้ททท.อยู่ระหว่างการหารือกับทางกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ฯ ถึงแผนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผ่านเลสเตอร์ ซิตี้ หลังจากก่อนหน้านี้มีความร่วมมือระหว่างกันบ้างแล้วในระดับหนึ่ง จากการที่ททท.ได้สนับสนุนงบประมาณปี2559 วงเงินราว 5-6 ล้านบาท

ส่งผลให้มีการโปรโมตโลโกแคมเปญ "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์" ติดตั้งอยู่ภายในสนามฟุตบอลคิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม และแบล็กดรอป ภายในห้องแถลงข่าวของสโมสร ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นการสร้างการรับรู้ในการโปรโมตการท่องเที่ยวไทยเมื่อมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลของสโมสรไปทั่วโลกและยิ่งได้แชมป์พรีเมียร์ลีกก็จะทำให้การโปรโมตท่องเที่ยวไทยทำให้ในขอบเขตที่กว้างขว้างขึ้นกว่าเดิม

เร่งหารือทำตลาดร่วมกัน

อีกทั้งล่าสุดเมื่อเลสเตอร์ซิตี้ สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ (พ.ศ.2558-2559)ได้สำเร็จ เบื้องต้นได้มีการหารือกับทางคิงเพาเวอร์ แล้วถึงการขยายผลความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยที่จะเข้มข้นขึ้น โดยคิงเพาเวอร์ เปิดกว้างให้ททท.นำเสนอแผนต่อนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ พิจารณาถึงการทำงานร่วมกันที่จะเกิดขึ้นต่อไป

" ททท.มองว่า เลสเตอร์ ซิตี้ จะเป็นกลไกที่ช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวของไทย ในการดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยมีการหารือว่าเริ่มตั้งแต่ในช่วงวันที่18-19 พฤษภาคมนี้ ที่ทีมนักเตะเลสเตอร์ ซิตี้ ทั้งทีม นำโดย รานิเอรี, วาร์ดี้, มาห์เรซ จะบินมาเมืองไทย เพื่อขอบคุณแฟนบอลชาวไทย ซึ่งททท. กำลังหารือกับคิงเพาเวอร์ว่าอาจจะประสานขอเวลาทีมนักเตะไม่เกิน 30 นาที ในการโปรโมตการตลาดร่วมกัน"

สร้างอิมแพคเที่ยวไทยทั่วโลก

นอกจากนี้ ททท.ยังเตรียมเสนอแผนและโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เลสเตอร์ ซิตี้ เข้ามาเป็นแบรนด์ แอมบาสซาเดอร์ ในการโปรโมตการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในตลาดอังกฤษ และทั่วโลก คงต้องหารือว่าจะพิจารณาเลือกนักเตะบางคน หรือทั้งทีม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในมิติใหม่ ภายใต้กลยุทธ์เซเลบริตี มาร์เก็ตติ้ง สร้างการรับรู้ ผ่านการใช้กลุ่มผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งเลสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าเป็นทีมใหม่ มีความสด ประกอบกับการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งมีเจ้าของทีมเป็นคนไทย จุดนี้ทำให้เกิดอิมแพ็กต์ในการทำตลาดการท่องเที่ยวของไทยไปทั่วโลกได้เป็นอย่างดี จากฐานพรีเมียร์ ลีก ที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก

ทั้งยังมองว่า เลสเตอร์ ซิตี้ จะเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ที่ดี ในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้การท่องเที่ยวไทย และสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัยในการเดินทางมาเที่ยวไทยได้ในระดับหนึ่ง รวมไปถึงการจัดโปรแกรม เลสเตอร์ ชาเล้นจ์ พานักเตะไปวัดพระแก้ว กินอาหารไทยเพื่อโปรโมตการเดินทางมาท่องเที่ยวไทยตามรอยเลสเตอร์ ซิตี้ แล้วมีสิทธิ์ลุ้นรางวัล เป็นต้น ขณะเดียวกันจุดนี้ก็ยังเป็นโอกาสที่จะผลักดันเกิดกิจกรรมทางกีฬา เพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว กระตุ้นให้เกิดการเดินทางมาเที่ยวไทยด้วย ผู้ว่าการททท.กล่าว

สิงห์ระดมพลฉลองแชมป์ผ่าน Line

อีกหนึ่งในแบรนด์ไทยที่ร่วมเป็นโกลบอล พาร์ทเนอร์อย่าง "สิงห์ คอร์เปอเรชั่น" ที่ร่วมให้การสนับสนุนทีม"จิ้งจอกสยาม" หรือสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ตั้งแต่ 2 ฤดูกาลก่อน เตรียมจัดอีเวนต์ใหญ่เพื่อร่วมฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครั้งประวัติศาสตร์ด้วยการจัดกิจกรรม "WE ARE THE CHAMPIONS"ในแมตซ์ที่ Leicester City เปิดบ้าน King Power Stadium ต้อนรับ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน Everton ณ ลานน้ำพุ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ คืนวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคมนี้ โดยผู้เข้าร่วมงานจะต้องเข้าไปลงทะเบียนผ่านช่องทาง Line Official @LeicesterTH 2559 ขณะที่กิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นระหว่างที่ทีมเลสเตอร์ซิตี้ จะเข้ามาฉลองแชมป์ในประเทศไทยช่วงวันที่ 18-19 พฤษภาคมนั้น เบื้องต้นบริษัทสิงห์ฯอยู่ระหว่างการเจรจากับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ประเทศอังกฤษ เพื่อวางแผนจัดกิจกรรมพิเศษต่อไป

"กิจกรรมของเลสเตอร์ฯที่จะมาเยือนไทยในช่วงสัปดาห์หน้าคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในวันจันทร์นี้ เนื่องจากการมาครั้งนี้เพื่อต้องการฉลองแชมป์ร่วมกับชาวไทย ต่างจากการมาของทีมอื่นๆในช่วงที่ผ่านมาที่เป็นการมาในเชิงธุรกิจหรือเรียกว่าเฟรนชิพแมตซ์มากกว่า ซึ่งต้องรอดูว่านักเตะต้องการอะไร สโมสรต้องการร่วมฉลองกับชาวไทยแบบไหน ดังนั้นจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนงานร่วมกันที่ประเทศอังกฤษ" แหล่งข่าว หนึ่งในสปอนเซอร์ "เลสเตอร์ ซิตี้" กล่าว

ดันภาพลักษณ์-ยอดขายเพิ่ม

ทั้งนี้การเป็นพาร์ตเนอร์ สปอนเซอร์ให้กับเลสเตอร์ ซิตี้นี้ ถือการจับมือกันของบริษัทยักษ์ใหญ่จากประเทศไทยอย่าง "คิง เพาเวอร์" และ "สิงห์ คอร์เปอเรชั่น" ในการเปิดเกมรุกตลาดระดับโลกที่มีจุดแข็งร่วมกันคือการเป็นแบรนด์ไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักเป็นอย่างดี

นอกจากนี้หลังจากที่สิงห์ฯ เข้าเป็นสปอนเซอร์พร้อมกับทำกิจกรรมผ่านทั้ง 4 สโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,แมนเชสเตอร์ ซิตี้,เชลซี ,และเลสเตอร์ซิตี้นั้นพบว่า ภาพลักษณ์ของแบรนด์ และการรับรู้ต่อแบรนด์สิงห์ ตลอดจนยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มการณ์เข้าไปเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับสโมสรใดสโมสรหนึ่งนั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนมหาศาล

ต่อยอดธุรกิจคิงเพาเวอร์

ด้านนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ซิตี้และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง พาวเวอร์ฯเปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ก่อนหน้านี้ว่าการที่สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถนำทีมขึ้นสู่ชั้นพรีเมียร์ลีกมีผลงานที่ดีมากในฤดูกาลนี้ จะส่งผลดีในการต่อยอดธุรกิจของคิงเพาเวอร์ กรุ๊ปเอง ควบคู่ไปกับการมีส่วนช่วย ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่จะขยายฐานการโปรโมตออกสู่นานาชาติเพิ่มขึ้น ผ่านช่องต่าง ๆ ของพรีเมียร์ลีกทั่วโลก

ครองแชมป์นานสร้างมูลค่าเพิ่ม

ทั้งนี้หากประเมินมูลค่าของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ในปัจจุบัน ยอมรับว่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวมาก จากที่คิงเพาเวอร์ซื้อกิจการมาเมื่อปี 2553 ด้วยงบลงทุนราว 100 ล้านปอนด์หรือราว 5.3 พันล้านบาท (จากภาระหนี้ร่วม103 ล้านปอนด์) ขณะนี้ประเมินว่ามูลค่าของสโมสร น่าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1หมื่นล้านบาท จากขนาดของสนามฟุตบอลคิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม 3.2 หมื่นที่นั่ง ค่าสปอนเซอร์ที่มีมูลค่าเกิน 5 พันล้านบาทไปแล้ว ไม่นับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด กำไรของสโมสร ซึ่งเริ่มมีกำไรในปี 2557 ที่เริ่มต้นราว7-8 ล้านปอนด์หรือราว350-400 ล้านบาท หลังเลสเตอร์ ซิตี้ ก้าวจากแชมเปี้ยนชิพ ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2557 และหากสโมสร อยู่ในพรีเมียร์ลีกนานแค่ไหน เงินลงทุนที่เราใส่ไปมากแค่ไหนก็จะกลับมามากเท่านั้น

"ผมมุ่งมั่นที่จะนำเลสเตอร์ซิตี้ ยืนหยัดอยู่ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ก็จะมีรายได้เติบโตขึ้น โดยเฉพาะจากค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ในปีนี้ที่เพิ่มขึ้น 20-30% จากปีที่ผ่านมาคือจาก 68-70 ล้านปอนด์ (3.4-3.5 พันล้านบาท)เพิ่มมาเป็นเกือบ 100 ล้านปอนด์(5.3 พันล้านบาท)ส่วนรายได้ของสโมสรเมื่อปี 2558 อยู่ราว 120 ล้านปอนด์ หรือราว 6,360 ล้านบาท เพิ่มจากก่อนหน้านี้ที่อยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพมีรายได้อยู่ที่ราว 10 ล้านปอนด์หรือราว 530 ล้านบาทเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามแม้เลสเตอร์ ซิตี้ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทีมที่เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน นายอัยยวัฒน์กล่าว

ด้านเรพูคอม (Rpucom)บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลด้านกีฬาและการตลาด เปิดเผยตัวเลขว่า การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ จะมีรายได้ก้อนโตเพิ่มข้นไม่ต่ำกว่า 150 ล้านปอนด์หรือราว 7,800 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงิน 54.1 ล้านปอนด์ (ราว 2,813 ล้านบาท)ทุกทีมได้เท่ากับ ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดภายในประเทศ 21.9 ล้านปอนด์หรือราว 1,138 ล้านบาท ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ต่างประเทศ 27.7 ล้านปอนด์ (ราว1,140 ล้านบาท) สปอนเซอร์หลัก Barclays 4.39 ล้านปอนด์ (ราว 228 ล้านบาท)เป็นต้น และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ของอังกฤษ ยังวิเคราะห์ด้วยว่ามูลค่าของทีมเลสเตอร์ซิตี้ ปัจจุบันอยู่ที่ราว 300 ล้านปอนด์หรือราว 1.5 หมื่นล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559