“ไทยสร้างไทย”จี้รัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นสยบโควิด

27 เม.ย. 2564 | 06:54 น.

“ไทยสร้างไทย”เสนอแนวทางจัดการโควิด รัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นดูแลประชาชน แสดงความชัดเจนว่าประชาชนทุกคนจะได้ฉีดวัคซีนภายในระยะเวลาเท่าไหร่ ขอเปิดทางภาคเอกชนเข้ามีส่วนช่วยแก้วิกฤติ

วันนี้ (27 เม.ย.64) พรรคไทยสร้างไทย ที่มี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแกนนำ ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า 

ตามที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกจากโรคร้าย และเกิดความไม่มั่นคงในชีวิตความเป็นอยู่แล้ว โควิด-19 ยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยที่การบริหารจัดการประเทศในภาวะวิกฤติของรัฐบาลปัจจุบัน อาจยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนส่วนใหญ่ได้ ประกอบกับฐานะทางการคลังในช่วง 4-5 ที่ผ่านมา มีความเปราะบางมาก จึงไม่สามารถเยียวยาแก้ไขปัญหาของประเทศ และความเดือนร้อนของประชาชนให้ลุล่วงไปได้โดยเร็ว 

เพื่อลดความตื่นกลัวอันจะทำให้การแก้ไขปัญหาทวีความยากยิ่งขึ้น พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่ารัฐบาลจะต้องเร่งสร้างให้ประชาชนเกิด “ความเชื่อมั่น” (trust) และ “ความมั่นใจ” (confidence) ว่ารัฐบาลมีความสามารถที่จะดูแลความปลอดภัยด้านสาธารณสุขให้กับพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกันก็มีความสามารถที่จะแก้ไขและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียหายให้กลับคืนมาได้

กลไกที่จะสร้างความมั่นใจว่าจะเอาชนะโรคระบาดได้อย่างยั่งยืน คือการสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” ให้กับประชาชน โดยเครื่องมือที่ง่าย, ประหยัด, ปลอดภัย, ได้ผลเร็ว และสามารถลดจำนวนการสูญเสียชีวิตของพี่น้องประชาชนคือการเร่ง”ฉีดวัคซีน”  

พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ได้ตั้งข้อสังเกตถึง “ความล่าช้าอย่างยิ่งของรัฐบาล ในการบริหารจัดการกับปัญหาโควิด โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีน  

                                             “ไทยสร้างไทย”จี้รัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นสยบโควิด

 

พรรคไทยสร้างไทย ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่งยวด และจึงได้เสนอรัฐบาลไปหลายครั้งก่อนหน้านี้ เพื่อให้ยกระดับการบริหารจัดวัคซีนขึ้นเป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อระดมศักยภาพของทุกภาคส่วน รวมทั้งเอกชน มาจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพมา และวางแผนในการฉีดวัคซีนอย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าหมายในการ ฉีดวัคซีนให้ประชาชน 50 ล้านคน หรือ70% ของประชากรให้จบภายในสิ้นปีนี้ โดยต้องเร่งฉีดให้ได้เดือนละ 15 ล้านโดส ตั้งแต่มิถุนายนเป็นต้นไป 

ดังนั้น รัฐบาลต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อประชาชน เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่า จะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ทุกคนภายในระยะเวลาเท่าไหร่กันแน่ 
พร้อมกันนั้นรัฐบาลจะต้องบอกแผนเศรษฐกิจในการจะดูแลพี่น้องประชาชนทั้งด้านผู้บริโภคและผู้ประกอบการ รวมถึงการลดการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลมีความเข้าใจ พร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุข มีมาตรการและมีขีดความสามารถที่จะนำพาประเทศชาติและประชาชนฟันฝ่าอุปสรรคทางเศรษฐกิจครั้งนี้ไปได้ 


 

พรรคไทยสร้างไทย ตระหนักดีถึงฐานะทางการคลังของรัฐบาลที่มีความเปราะบาง ทำให้รัฐบาลไม่สามารถจะกู้เงินจำนวนมากมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาได้ แต่การสร้างความเชื่อมั่นด้วยการเสนอมาตรการที่ทำให้ประชาชนเชื่อถือดังกล่าว รวมถึงต้นทุนในการจัดหาวัคซีน เมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณส่วนอื่นที่รัฐบาลได้ใช้ไป ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เพราะหากประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของรัฐบาลแล้ว การลงทุนภาครัฐจะไม่เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อฐานะทางการคลังของรัฐบาลและไม่เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม 

พรรคไทยสร้างไทย ขอเรียกร้องให้รัฐบาล ได้เร่งปรับปรุงการทำงานแก้ไขวิกฤติโควิดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทันต่อสถานการณ์  เพื่อประชาชน และประเทศไทยอันเป็นที่รักของทุกคน  

รวมทั้งขอร้องให้รัฐบาลได้เปิดทางให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาวิกฤตนี้ให้รวดเร็วขึ้น เช่น กระจายการจัดซื้อวัคซีน และชุดตรวจหาเชื้อโควิดให้กับภาคเอกชน เพราะเวลานี้เราต้องแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย “เพื่อให้ประชาชนรอดก่อน”  

ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขทุกท่าน ที่เสียสละทำงานอย่างหนัก เพื่อร่วมกันนำพาประเทศออกจากวิกฤตครั้งนี้โดยเร็ว