หุ้นท่องเที่ยวขึ้นยกแผง สายการบินคึกคัก รับโมเดล "เปิดประเทศ" รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

31 มี.ค. 2564 | 12:00 น.

ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบินคึกคัก รับโมเดลเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำร่อง จ.ภูเก็ต โบรกชี้เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ แต่ยังมีความเสี่ยงระยะเวลากระชั้นชิด แผนยังไม่ชัดเจน แนะเผื่อใจ มองราคาสะท้อนไปมากพอแล้ว ไม่แนะนำเก็งกำไร

ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 จนต้องมีการปิดประเทศเพื่อระงับการแพร่กระจายของเชื้อ ทำให้แรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจหลักอย่าง การท่องเที่ยว ต้องชะงักลงจากการปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระทบต่อรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้ทรุดตัวลงอย่างหนัก นับเป็นเวลา 1 ปีเต็มกับการสูญเสียรายได้หลัก ล่าสุดที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เห็นชอบการ เปิดรับต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสเข้ามาท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต โดยไม่ต้องกักตัว เริ่มดําเนินการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นจังหวัดแรก

ประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ปี 2564 ผลจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีเหลือ 3 ล้านคน จากคาดการณ์เดิมที่ 5.5 ล้านคน ซึ่งจะมีผลให้ปีนี้เศรษฐกิจอาจจะขยายตัวได้เพียง 3.0% จากประมาณการเดิมที่ 3.2% เพราะรายได้จากภาคท่องเที่ยวคิดเป็นประมาณ 11-12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) และยังต้องดูประสิทธิผลการกลับมาของนักท่องเที่ยวด้วย

รายงานข่าวจากตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ระบุว่า หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดการท่องเที่ยวราคาปรับเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่ม

โดยเฉพาะ หุ้นกลุ่มโรงแรม ที่ดัชนีตั้งแต่วันที่ 26-29 มีนาคม 2564 ปรับเพิ่มขึ้น 5.81% โดยหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ

  • บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ERW) เพิ่มขึ้น 10.50%
  • บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (CENTEL) เพิ่มขึ้น 7.30%
  • บริษัท ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล จำกัด (มหาชน) (LRH) เพิ่มขึ้น 6.72%

ขณะที่ หุ้นกลุ่มสายการบิน ที่ราคาปรับขึ้นมากที่สุด คือ

  • บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BA) เพิ่มขึ้น 5.45%
  • บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) (AAV) เพิ่มขึ้น 5.07%
  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เพิ่มขึ้น 1.87% 

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากวัคซีนพาสปอร์ตและเปิดการท่องเที่ยวจ.ภูเก็ต

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า แผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จ.ภูเก็ตเป็นที่แรกในเดือนกรกฎาคม 2564 มองว่า เป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากรายได้จากการท่องเที่ยวที่ผ่านมาลดลง 2 ล้านล้านบาท อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหากมีการดำเนินการได้ตามแผน จะส่งผลให้เกิดการจ้างงานภาคบริการและการท่องเที่ยว หลังจากที่มีรายได้ลดลงและกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ 

อย่างไรก็ตาม มองว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมีความเป็นไปได้ แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด รวมถึงไม่ทำให้โรงแรมขนาดใหญ่เป็นบวกขึ้นมาได้มาก ถึงแม้ไทยจะเปิดรับ แต่ในบางประเทศยังไม่มีการอนุญาตให้คนในประเทศออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยค่อนข้างสูง เนื่องจากจีนต้องการกระตุ้นให้ท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อให้เงินหมุนเวียน และป้องกันความเสี่ยงที่อาจรับเชื้อจากต่างประเทศกลับมาได้ ขณะที่ นักท่องเที่ยวชาวยุโรปจะเดินทางมาที่ไทยในช่วงต้นปีนั้น ได้ผ่านฤดูกาลไปแล้ว

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ คือ กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มการแพทย์ โดยกลุ่มท่องเที่ยวที่เป็นโรงแรมจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มที่มีกระแสเงินสดในมือระดับสูง เพียงพอต่อการรองรับผลขาดทุนได้อีกหลายไตรมาส และไม่มีความเสี่ยงในการเพิ่มทุน ได้แก่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) และ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (SHR) ซึ่งแนะนำลงทุนในกลุ่มนี้ส่วน CENTEL มีการเพิ่มทุนที่ไม่สูงมาก ขณะที่ ERW และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) มีภาระหนี้ที่ค่อนข้างสูง หากนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ แต่ไม่ได้มีจำนวนมากนัก อาจมีความเสี่ยงภาระที่ต้องทำการลดหนี้ 

“หากมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถึงแม้จะเป็นผลบวก แต่ยังมีความเสี่ยงอยู่ เพราะในขณะนี้ยังไม่เห็นแผนที่ชัดเจน หากจะเปิดให้ได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม ต้องมีการเริ่มฉีดวัคซีนคนในพื้นที่ตามแผนให้ได้ 70% และเหลือเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งกระชั้นชิดมาก อีกทั้งยังไม่เห็นเกณฑ์การควบคุมความเสี่ยงหากเกิดการระบาดขึ้นมาอีกรอบ ว่าจะมีแผนปิดกั้นพื้นที่อย่างไร แม้จะมีมุมมองเป็นบวก แต่ต้องเผื่อใจไว้ด้วย” 

ด้านบล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด ระบุว่า หุ้น AOT, CENTEL, CPALL,  CPN, ERW, MINT และ SPA รับผลบวกเนื่องจากประกอบธุรกิจในภูเก็ต อย่างไรก็ตามให้นํ้าหนักเพียง Sentiment เท่านั้น เพราะผลบวกต่อกำไรยังจำกัด และไม่แนะนำให้เก็งกำไรจากประเด็นดังกล่าว ด้วยราคากลุ่มท่องเที่ยวที่ฟื้นมาจากมาตรการล็อกดาวน์ครั้งแรกประมาณ 71% มองระดับราคาปัจจุบันสะท้อนไปแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม.เคาะโรดแมพเปิดประเทศ เริ่ม1 เม.ย.นี้ที่ภูเก็ต

เปิดรายชื่อ11 ประเทศ เข้าไทยหลัง1 เม.ย.ยังต้องกักตัว 14 วัน

ศบศ.เคาะ 1 ก.ค.นี้ เปิดประเทศ คนฉีดวัคซีนโควิดไม่ต้องกักตัว

ได้เวลาเปิดประเทศ ท่องเที่ยวตีปีก คาดภูเก็ตสะพัด 8.4 หมื่นล้าน

“เซ็นทารา”กลับมาเปิดเพิ่ม3โรงแรม1เม.ย.นี้รับหยุดยาว-เปิดประเทศ

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,666 วันที่ 1 - 3 เมษายน พ.ศ. 2564