"อั้ม อธิชาติ"รับมอบเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากผลงานวิจัยสไปรูลิน่า จากมหาวิทยาลัยพะเยา "พาว มิราเคิล"ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ ทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่มหาวิทยาลัยพะเยา ผู้บริหาร"พาว มิราเคิล" ผู้นำด้านสมุนไพรสกัด ได้ร่วมพิธีลงนามสัญญารับมอบเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากผลงานวิจัย เรื่อง เทคโนโลยีขั้นสูงกระบวนการผลิตสไปรูลินาไฟโคไซยานิน" จากบริษัท ซีเอ็มเอช เชียงใหม่ โฮลดิ้่ง จำกัด โดยนายรัฐวิชญ์ สิริอมรสิทธิ์ ประธานบริหาร ฯ และมหาวิทยาลัยพะเยา โดยรศ.ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดี มหาวิทยาลัย พะเยา ร่วมลงนาม
นายอธิชาติ-อั้ม ชุมนานนท์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง พาว มิราเคิล กล่าวว่า ภูมิใจ“รู้สึกอย่างยิ่งที่ได้รับมอบเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากผลงานวิจัยครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามความมุ่งมั่นตั้งใจของพาว มิราเคิล ที่มีแนวคิดและแนวทางการทำธุรกิจสุขภาพที่ยั่งยืนและชัดเจนว่า ทุกผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตสู่มือผู้บริโภคต้องมีงานวิจัยคุณภาพรับรองเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ กว่าที่นักวิจัยจะวิจัยสำเร็จต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 5-6 ปี และงานวิจัยนี้เริ่มจากมหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฟู๊ดวัลเล่ย์ ประกอบกับการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง จากโรงงาน ซีเอ็มเอช เชียงใหม่ โฮลดิ้ง ที่ได้มาตรฐานระดับประเทศ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการนำงานวิจัยของนักวิจัยไทย เพื่อยกระดับสู่สากล ซึ่งเน้นเรื่องสารออกฤทธิ์สำคัญ และคุณประโยชน์ มีความปลอดภัย ไม่ตกค้างสะสมในร่างกาย
ประการสำคัญคือ การได้ส่งเสริมผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตรไทย ที่มีเกษตรกรท้องถิ่นเป็นฐานหลัก ทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนาวัตถุดิบต้นน้ำ จากนั้นนำมาศึกษาวิจัยเพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบนั้นมีคุณค่าและคุณประโยชน์ สามารถแข่งขันเชิงพาณิชย์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตรไทยที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อกลุ่มโรค NCDs อย่างเช่น สไปรูลิน่า
นายอธิชาติกล่าวอีกว่า จากงานวิจัยนี้ "พาว มิราเคิล"ได้ลงทุนอีกกว่า 3 ล้านบาท พัฒนาผลิตภัณฑ์ชนิดผงชงดื่ม โดยผลิตล็อตแรก ประมาณ 3,000-5,000 ซอง ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับว่าสินค้าเราจะผลิตขนาดไหน แบบไหน ผู้บริโภครับประทานได้กี่วันต่อหนึ่งชุด เพราะว่าต้องคำนึงเรื่องของราคาว่า ต้องถึงมือผู้บริโภคในราคาที่สามารถจ่ายได้ ส่วนผลิตภัณฑ์อันดับต่อ ๆ ไป อาจเป็นในรูปผสมกับสารสกัดบางอย่างที่ให้ผลสอดคล้องกัน เป็นในเชิงโปรตีนบาร์ หรือกาแฟ ต่อไป
ส่วนในด้านการตลาดนั้น ตอนนี้มองเรื่องสุขภาพคนยุคใหม่ ที่ต้องการโปรตีนทดแทนจากพืช โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ โดยตั้งใจให้ทุกคนเข้าถึงสามารถจับต้องได้ อาจเป็นตลาดกลางบนลงมา โดยราคาต้องไม่สูงเกินไป และแม้ว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าจะเป็นที่รู้จักมานาน แต่เราพัฒนาจากสายพันธุ์ใหม่ นอกจากจำหน่ายในประเทศที่จะเริ่มทำตลาดก่อนแล้ว ยังเตรียมส่งออกสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV รวมถึงในจีนด้วย
จากงานวิจัยของสาหร่ายสไปรูลิน่า โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัฐภูมิ พรหมณะ และงานวิจัยต่างประเทศ พบว่า สาหร่ายสไปรูริน่า จะให้สารไฟโคไซยานิน ( Phycocyanin ) และโพลีแซคคาไรด์ ( Polysaccharide ) ซึ่งจะกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว จึงช่วยในการลดความเสี่ยงภูมิแพ้ ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ได้ทั้งโคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ควบคุมความดันโลหิต (คลอโรฟิลล์ช่วยหลอดเลือดขยายตัว) มีข้อมูลการศึกษา พ.ศ. 2550 พบว่า อาสาสมัคร 36 คนที่ได้รับ สไปรูไลนา 4.5 กรัมต่อวัน เป็นเวลานานกว่าหกสัปดาห์ มีความเปลี่ยนแปลงในคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตอย่างสำคัญ คือ (1) ลดคอเลสตอรอลรวม (2) เพิ่ม HDL คอเลสเตอรอล (3) ลดไตรกลีเซอไรด์และ (4) ลดความดันโลหิตทั้งขณะบีบและคลาย
สไปรูลิน่า เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว จัดอยู่ในกลุ่มสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (Blue-green algae) ให้สารคลอโรฟิลล์ในประมาณที่สู งและยังเป็นสาหร่ายที่อุดมไปด้วยสารอาหารโปรตีน 60-70% กรดไขมันจำเป็น วิตามินและ เกลือแร่ รวมทั้งสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมายที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยในเรื่องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และการก่อให้เกิดโรคอ้วนลงพุง
สาหร่ายสไปรูลินามีไฟโคไซยานินสูง โปรตีนทดแทนสำหรับคนที่ชอบในการออกกำลังกาย หรือการดูแลสุขภาพโดยทั่วไปสำหรับคนที่ต้องการโปรตีน ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ