รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า หลังจากการเข้าซื้อขายหุ้นวันแรกของบริษัทปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ด้วยราคาปิดที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 11.25 บาท หรือ 62.50% จากราคาเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่ 18.00 บาท ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 339,592,500,000 บาท เพิ่มขึ้น 130,612,500,000 บาท จากมาร์เก็ตแคป ณ ราคาไอพีโอ อยู่ที่ 208,980,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม มาร์เก็ตแคปของหุ้น OR ปิดวันแรกขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 11 ซึ่งเป็นมาร์เก็ตแคปของไอพีโอใหม่ที่ปิดสูงที่สุด และมีอันดับสูงที่สุด โดยตลท.จะนำหุ้น OR เข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป และนำหลักทรัพย์ของบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) ออกจากองค์ประกอบของดัชนี SET50 และบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (TKN) ออกจากองค์ประกอบของดัชนี SET100 ไปอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์สำรอง (Reserve List) ของแต่ละดัชนี
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากตลท. พบว่า การเสนอขายไอพีโอในช่วงปี 2562-2563 ที่ผ่านมา มีหุ้นที่เข้าซื้อขายมีมาร์เก็ตแคปที่สูง และเข้าถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 จำนวน 3 บริษัท คือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) เข้าจดทะเบียน วันที่ 10 ตุลาคม 2562 มีมาร์เก็ตแคป ปิดซื้อขายวันแรกที่ 187,289.85 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 20 จากนั้นเริ่มเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2562 และนำหลักทรัพย์ของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KKP) และบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ออกจากดัชนี SET50 และ SET100
ขณะที่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) เข้าจดทะเบียนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 มาร์เก็ตแคปวันแรก 251,794.25 ล้านบาท อยู่อันดับที่ 13 จากนั้นเริ่มเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 มีผลตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 และนำหลักทรัพย์ของบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) และบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) (AAV) ออกจากดัชนี SET50 และ SET100
บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) เข้าจดทะเบียนวันที่ 22 ตุลาคม 2563 มาร์เก็ตแคปวันแรกปิดที่ 148,874.25 ล้านบาท อันดับที่ 22 จากนั้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2563 และนำหลักทรัพย์ของบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) และบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ERW) ออกจากดัชนี SET50 และ SET100
ทั้งนี้ การทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนีดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ระหว่างรอบที่กำหนดหลักการว่าจะนำหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่เข้ามารวมคำนวณดัชนีหากหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนใหม่นั้นมีขนาดใหญ่ กล่าวคือ มีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 1% ของมาร์เก็ตแคปรวม หรือมีมาร์เก็ตแคปอยู่ในช่วง 20 ลำดับแรกของหลักทรัพย์ในดัชนี SET50 และ SET100 โดยจะนำหลักทรัพย์ที่มีมาร์เก็ตแคปน้อยสุดออกจากการคำนวณดัชนีไปไว้ในกลุ่มหลักทรัพย์สำรอง