ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 10 กุมภาพันธ์ 2564

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม แตะระดับสูงสุดรอบ 13 เดือน หลังพรรคเดโมแครตประสบความสำเร็จในการผลักดันให้สภาคองเกรสเห็นชอบต่อแนวทางการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน และคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาภาคครัวเรือนและธุรกิจจะได้รับการอนุมัติ ภายในวันที่ 15 มี.ค. 64

+ ตลาดคาดหวังว่าโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในหลายประเทศจะช่วยให้อุปสงค์ฟื้นตัว โดยอังกฤษได้ทำการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนราว 12.2 ล้านคนแล้ว คิดเป็นร้อยละ 25 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในประเทศ รวมถึงวัคซีนราว 337.2 ล้านโดสในโครงการโคแว็กซ์ ที่กำลังเตรียมการเริ่มส่งมอบแก่ประเทศต่างๆ ราว 145 ชาติ ในครึ่งปีแรกนี้

+ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ปรับลดประมาณการณ์แนวโน้มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในปี 2564 เหลือ 11.02 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 11.10 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานจากไต้หวันปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางอุปสงค์ที่ขยายตัวในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากโรงกลั่นในภูมิภาคมีแผนปิดบำรุงรักษาประจำปี ทำให้อุปทานมีแนวโน้มลดลง ท่ามกลางอุปสงค์ที่ฟื้นตัว

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐจะทำให้ต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวขึ้นด้วย ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 58.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 61.09 ดอลลาร์/บาร์เรล