โควิดระลอกใหม่ ฉุดจีดีพีปี64

28 ม.ค. 2564 | 09:50 น.

ศสค. ปรับลดตัวเลขเศรษฐกิจไทย ปี 64 ลง เหลือโตได้ 2.8% หลังเกิดการระบาดระลอกใหม่ในไทย พร้อมจับตาประสิทธิภาพวัคซีน นโยบายเศรษฐกิจ-การค้าสหรัฐภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า สศค.ปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 2564 ขยายตัวลดลงเหลือเติบโต 2.8% จากเดิมคาดโต 4.5% หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทย

กุลยา ตันติเตมิท

 

นอกจากนั้น ยังต้องจับตาปัจจัยสำคัญ ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของ 15 ประเทศคู่ค้าหลักของไทย ที่ยังมีความเสี่ยงจากการได้รับวัคซีนล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ที่อาจส่งผลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อให้เพิ่มมากขึ้น จนต้องนำไปสู่มาตรการล็อคดาวน์อีกครั้ง รวมทั้งนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่

 

 

ขณะที่ค่าเงินบาท สศค. คาดว่าทั้งปี 2564 ค่าเงินบาทจะแข็งค่าอยู่ในกรอบ 29.69 – 30.11 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือแข็งค่าขึ้นประมาณ 4.5% จากปี 2563 จากปัจจัยเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่รวมทั้งไทยจากแรงจูงใจอัตราดอกเบี้ยนโยบายและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าสหรัฐฯ

 

ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ คาดว่าทั้งปี 2564 จะอยู่ 50.5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรล ปรับตัวขึ้นจากปี 63 ที่อยู่ที่ 42.3 ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรล จากคาดการณ์ช่วงครึ่งปีหลังการเดินทางทั้งในและต่างประเทศจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้งประเทศในกลุ่มโอเปกจะรักษากำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน

 

สศค. ยังได้ปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาไทยลงหลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทยซึ่งส่งผลให้ต้องมีมาตรการสาธารสุขที่เข้มงวดขึ้น โดยจากเดิมคาดว่าจะมี 8 ล้านคน เหลือเพียง 5 ล้านคน ส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไป 22.1%  เหลือ 260,000 ล้านบาท  จากเดิมคาดมีรายได้ 330,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ยังต้องพิจารณาถึงประสิทธิภาพของวัคซีนและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศด้วย

 

ขณะที่รายจ่ายภาคสาธารณะคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบ 4.24 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.6% การส่งออกคาดขยายตัว 6.2% และนำเข้าคาดขยายตัว 7.8% ทั้งนี้จากการดำเนินมาตรการของรัฐ อาทิ คนละครึ่งเฟส 2  จะส่งผลดีต่อตัวเลขเศรษฐกิจ 0.1% – 0.12%  ขณะที่โครงการเราชนะ จะส่งผลดีต่อตัวเลขเศรษฐกิจ 0.5% - 0.6%