นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โลกเหมือนถูกสาบ เหมือนในช่วงปี ค.ศ 1347 (พ.ศ.1890) ถึง ค.ศ.1351 (พ.ศ.1894) เกิดโรคระบาดใหญ่ (Pandemic) เรียกว่า “Black Death” เป็นผลให้คนเสียชีวิตจำนวน 75 ถึง 200 ล้านคน โดยประมาณ (WIKI) โรคนี้ระบาดอยู่ประมาณ 4 ปี และหายไปเองเพราะคนกักตัวหรือย้ายถิ่น ฟังดูแล้วก็คล้ายกันกับ "Covid-19" ที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ คือทางแก้ที่ได้ผลคือการป้องกันโดยการกักตัวเอง
เวลาล่วงเลยมาประมาณ 600 ปีกว่าแต่มนุษย์ก็ยังไม่สามารถหาวิธีรักษาโรคระบาดใหญ่ได้ วิเคราะห์ได้ว่าความสามารถของมนุษย์ยังต้องได้รับการพัฒนาอีกมาก ดังนั้นจึงเสนอว่าให้พวกเรากลับไปเชื่อและทำในสิ่งที่บรรพบุรุษทำสำเร็จโดยวิธีธรรมชาติคือ “กักตัว” หรือ “รักษาระยะห่าง” เท่านั้น การเรียนรู้จากเหตุการณ์ Covid-19 คือ ระบบสาธารณสุขทั่วโลกยังล้าหลัง ไล่ไม่ทันโรค หรือ เรียกว่า "ล้มเหลว" ได้ แม้ว่าประเทศในแถบ Scandinavia เช่น นอร์เวย์ ฟินแลนด์ จะมีระบบประกันสุขภาพที่ดีที่สุดหรือประเทศพัฒนาอื่นๆเช่นสหรัฐ ญี่ปุ่นก็ยังไม่สามารถป้องกันคนของเขาได้
ด้วยข้อบกพร่องหรือความสามารถของระบบสาธารณสุขดังกล่าวผมจึงขอให้กลับไปเริ่มต้นจากแนวคิดว่าเราต้องหามาตรการป้องกันที่ได้ผลก่อน และพัฒนาระบบสาธารณสุขควบคู่กันไป ดังนั้นสิ่งที่จะนำเสนอให้เน้นเป็นอย่างยิ่งต่อไปนี้คือยุทธศาสตร์ในทุกสาขาต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดความปลอดภัยต่อสุขภาพมนุษย์ สัตว์และพืช การผลิตสินค้า บริการ และปัจจัยอื่นๆจึงต้องยึดหลักนี้เป็นแกน
สำหรับประเทศไทยนั้น "ธุรกิจการเกษตรและอาหาร" จะต้องวิเคราะห์กันใหม่ว่าจะปฏิรูปอย่างไร ข้อเสนอคือ ผลิตผลสู่ตลาดต้องตอบโจทย์มาตรฐานความปลอดภัย คำถามคือจะเชื่อมโยงผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่นี้ได้อย่างไร รัฐจะต้องมีบทบาทอย่างไร ผู้ประกอบการและผู้บริโภคจะต้องมีบทบาทนำหรือเสริมอย่างไร คำตอบนั้นไม่น่าจะยาก แต่ยังไม่ได้ยินว่าใครจะสมัครใจออกมาตอบให้ชัดๆทำให้ไม่แน่ใจว่าต้องรอวิกฤติก่อนหรือไม่อย่างไร?