สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส-19 ที่มีต้นตอมาจากแพกุ้งในจังหวัดสมุทรสาคร และเริ่มขยายเป็นวงกว้างไปใน 10 จังหวัด จากบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนที่เข้าไปซื้ออาหารทะเลตลาดมหาชัย ที่คาดว่าจะมีกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อและต้องตรวตเชิงรุกไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน
วันที่ 22 ธันวาคม ที่ผ่านมา ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.รายงานว่า วันนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 427 ราย มาจากต่างประเทศ 14 ราย ติดเชื้อในประเทศ 16 ราย ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าวจากการคัดกรองเชิงรุก 397 ราย รวมพบผู้ที่ติดเชื้อในสถานที่กักกัน 1,387 ราย และติดเชื้อในประเทศ 3,798 ราย
มีผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 5,716 ราย รักษาหายเพิ่ม 25 ราย ผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 4,078 ราย ขณะที่ผู้ป่วยกำลังรักษาตัวอยู่ 1,578 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่ จังหวัดสมุทรสาคร จากศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) จังหวัดสมุทรสาคร และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร รายงานมีผู้ป่วยสะสมที่ติดเชื้อโควิดในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครทั้งสิ้น 1,063 ราย และเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยดำเนินการไปแล้วจำนวน 6,156 ราย ทราบผลแล้ว 3,808 ราย ส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นแรงงานข้ามชาติ
ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้แจ้งปิดทำการซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำในตลาดปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2563 เวลา 12.00 น. ถึงวันที่ 4 มกราคม 2564 สถานการณ์ดังกล่าวกำลังส่งสัญญาณ ของการระบาดไวรัสโควิด -19 รอบใหม่ เพราะนับวันตัวเลขของการติดเชื้อเพิ่มขึ้น และขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึงการจะกลับไปล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง ส่งผลต่อกิจกรรมต่างๆ ต้องชะงักไปด้วย
ผลที่ตามมาเชิงเศรษฐกิจแล้ว ย่อมได้รับผลกระทบกระทบตามไปด้วย เห็นได้จากกรณีที่มีการล็อกดาวน์และประกาศเคฟิวในพื้นที่จังหวัดสุมทรสาคร ได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไปถึงวันละ 1 พันล้านบาท ถ้ามีการล็อกดาวน์สัก 1 เดือน ก็จะสร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่การส่งออกอาหารทะเลของจังหวัดสมุทสาคร คิดเป็นมูลค่า 2 แสนล้านบาทต่อปี อาจจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของคู่ค้า และการส่งออกได้
ยังไม่รวมผลกระทบที่ต่อเนื่องที่มีผู้ติดเชื้อกระจายไปหลายจังหวัด ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว และภาคบริการตามไปด้วย เพราะเริ่มมีการยกเลิกจัดงาน กิจกรรมต่างๆ การยกเลิกเที่ยวบิน และการจัดงานส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่ กำลังซื้ของผู้บริโภคจะหายไป
หลายสถาบัน เคยประเมินตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจหรือจีดีพีปีนี้ไว้อยู่ที่ราวติดลบ 6% ภายใต้สถานการณ์ไม่มีการระบาดไวรัสโควิด-19 รอบ 2 และจะขยายตัวได้เป็นบวกที่ 4% ได้ในปี 2564 ซึ่งถึงเวลานี้อาจจะต้องมาประเมินตัวเลขกันใหม่ และต้องต้องมาลุ้นกันต่อว่าในปีหน้ารัฐบาลจะมีเงินเหลือพอที่จะฟื้นฟู้เศรษฐกิจหรือไม่
หากมีการล็อกดาวน์ประเทศรอบ 2 เกิดขึ้นอีก นั่นหมายถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะทรุดต่ำลงอีก และจะเกิดผลกระทบตามมาเป็นระลอก เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในรอบแรกมาแล้ว
สิ่งที่สำคัญในเวลานี้ ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชน จะร่วมกันไม่ให้การแพร่ระบาดขยายวงกว้าง และควบคุมได้อยู่ในวงจำกัดได้อย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ความหายนะจะเกิดขึ้นกับประเทศอีกครั้ง และจะกลับฟื้นมาได้คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี ดังนั้นทุกคนต้องร่วมมือกัน การ์ดอย่าตก สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขให้ครบ ก็จะช่วยสกัดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ระดับหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด่วน ศบค.ไม่เคาะล็อกดาวน์ แบ่งโซนสี "แดง-ส้ม-เหลือง-เขียว" รายจังหวัดคุมเข้มมาตรการ
นายกฯ แถลงมติศบค. "ไม่ล็อกดาวน์" แบ่งพื้นที่สีควบคุมระบาด-ปีใหม่จัดได้
เช็กพื้นที่เสี่ยงโควิด จังหวัดไหนเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ ได้ที่นี่
"หมอธีระวัฒน์" ค้านล็อกดาวน์ ชงรัฐ ทำมาตรการเชิงรุกทั่วประเทศ
ศบค.ไม่ห้ามจัดปีใหม่กับครอบครัว-กลุ่มเพื่อน หากไม่ใช่พื้นที่เสี่ยง