"เพื่อไทย" ลุยตรวจสอบ "บิ๊กตู่" ต่อ หลังหลุดปมบ้านพักทหาร

02 ธ.ค. 2563 | 10:16 น.

พรรคเพื่อไทย เคารพมติศาลรัฐธรรมนูญ เดินหน้าตรวจสอบ พลเอกประยุทธ์เรื่องอื่นต่อ หลังหลุดปม "บ้านพักทหาร"

วันที่ 2 ธ.ค.63  น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทย เคารพในคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะผู้เปิดเผยข้อมูลหลักฐานและติดตามตรวจสอบ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อาศัยบ้านพักหลวง(บ้านพักทหาร) อย่างใกล้ชิดมาตลอด

 

ในขณะที่ประชาชนคนไทยยังคงมีคำถามมากมายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยยืนยัน จะใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร ในการเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องอื่นๆนับจากนี้ อย่างเข้มข้น เพื่อให้การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้มีประสิทธิภาพที่สุดในฐานะตัวแทนประชาชน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ด่วน "บิ๊กตู่" รอด คดีบ้านพักทหาร

คำต่อคำ มติศาลรธน.เอกฉันท์ "บิ๊กตู่"ไม่ผิดคดีบ้านพักทหาร

เปิดภาพ "บิ๊กตู่" ไหว้ "หลวงพ่อวัดบ้านแหลม" ก่อนชี้ชะตาคดีบ้านพักทหาร

เปิดประวัติ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชะตา “นายกฯ” ปม “บ้านพักทหาร”

 

น.ส.อรุณี กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอดพ้นจากวิบากกรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่รอดพ้นวิกฤตความชอบธรรมและจริยธรรมทางการเมืองในสายตาประชาชนหลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะอดีตหัวหน้า คสช. ไม่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง กรณี พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ทำให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้

และครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอาศัยในบ้านพักของทางราชการและยังได้รับสิทธิประโยชน์บางอย่าง ทั้งๆ ที่เกษียณอายุราชการมานานแล้ว จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ความหมิ่นเหม่ต่อกฎหมายและจริยธรรมทางการเมืองอย่างกว้างขวาง พล.อ.ประยุทธ์ รู้อยู่แก่ใจว่าการอาศัยบ้านพักของหลวง โดยได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มาโดยตลอด ไม่เสียค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพักอาศัยให้ทางราชการ ทั้งที่ตัวเองไม่มีสิทธิใดๆ แล้ว เป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ก็ยังสามารถอยู่รอดในตำแหน่งต่อได้อีกซึ่งก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของประชาชน

 

วันนี้ แม้ผลคำวินิจฉัย อาจไม่สามารถทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากอำนาจและเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ในทางกฎหมาย แต่ในมิติของจริยธรรมและความชอบธรรมทางการเมืองของพลเอกประยุทธ์ได้หมดสิ้นลงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้รับการจับตาจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนซึ่งเป็นผู้เสียภาษี เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนภายใต้รัฐย่อมต้องการความเสมอภาคและเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย กฎหมายต้องเป็นหลักยึดและเครื่องคุ้มครองแก่ประชาชนโดยไม่มีการเลือกปฎิบัติ โดยเฉพาะกับการกระทำที่อาจเข้าข่ายรับประโยชน์ใดจากหน่วยงานราชการ อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือ ผลประโยชน์ทับซ้อน

 

ขณะที่ 6-7 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวหาผู้อื่นด้วยข้อหาทุจริตประพฤติมิชอบและผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ตลอดเวลา แต่กรณีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เองกลับไม่สามารถชี้แจงต่อสังคมให้เกิดความกระจ่างได้  แม้ คำตอบวันนี้จะจบไป พล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถพ้นบ่วงของกฎหมายมาได้หลายครั้ง แต่คำถาม ข้อสงสัยและความคลางแคลงใจต่อความโปร่งใสของ พล.อ.ประยุทธ์ ในหมู่ประชาชนจะเพิ่มและดังขึ้นเป็นเงาตามตัว

วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าจะบริหารประเทศต่อไปอย่างไร ในภาวะที่แทบจะไม่เหลือความชอบธรรมใดๆ อีกแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยให้สถานการณ์วิกฤติขณะนี้ดีขึ้นในภาพรวม แต่อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาความไม่พอใจของพี่น้องประชาชน กระทั่งทำให้วิกฤติความขัดแย้งลุกลามไปจนไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลเสียหายต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ