“แรมโบ้”สวน“ส.ศิวรักษ์”ให้ท้ายม็อบ

26 พ.ย. 2563 | 05:28 น.

“แรมโบ้”สวน “ส.ศิวรักษ์”เข้าร่วมชุมนุมเป็นการให้ท้ายกลุ่มผู้ชุมนุมจาบจ้วงสถาบัน ถามกลับตั้งแต่หนุ่มจนแก่ทำประโยชน์อะไรให้ประเทศบ้าง คอยแต่จะก้าวล่วงสถาบัน เปรียบเหมือนยาหมดอายุ ใกล้ลงโลงยังไร้จิตสำนึก

 

วันนี้(26 พ.ย.63) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักเขียนชื่อดังร่วมการชุมนุมกลุ่มผู้ชุมนุม และปราศรัยถึงการที่นายกฯ นำ มาตรา  112 มาใช้เป็นการขัดพระราชโองการ พร้อมระบุนายกฯชั่วร้ายมากต้องบีบให้ลาออก ว่า  เป็นการกล่าวหาใส่ร้ายนายกฯ ที่บิดเบือนมาก ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายถอดคำปราศรัยที่นายสุลักษณ์ โจมตีนายกฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

“ผมขอย้ำว่าที่นายกฯ นำมาตรา 112 มาใช้ถือว่าได้ทำตามกฎหมายที่นำใช้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งนาย ส.ศิรักษ์ ก็ย่อมรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่า กลุ่มผู้ชุมนุมก้าวร้าวจาบจ้วง บิดเบือนใส่ร้ายสถาบัน และในหลวง ให้เกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง”

 

ทั้งนี้ยืนยันว่า นายกฯ เป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีอย่างมาก ไม่เคยขัดพระราชโองการ และมาตรา 112 ยังมีไว้กับคนที่บิดเบือนก้าวล่วงพระราชวงศ์ คนเหล่านี้สมควรต้องได้รับโทษให้สาสมแก่ใจ และถือว่าเป็นคนสิ้นคิดและหนักแผ่นดินจริงๆ

 

 

ดังนั้น นาย ส.ศิรักษ์ อย่าตีมึนกับพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้น และควรยอมรับกฎหมายที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังมองว่า นาย ส.ศิวรักษ์ เป็นผู้ที่อาวุโสมากแล้ว แทนที่จะออกมาห้ามปรามแกนนำกลุ่มชุมนุม และไม่ควรเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มราษฎร แต่ยังไปเติมเชื้อไฟให้ปะทุมากขึ้นอีก 

 

ทั้งนี้ยังให้ท้ายคนล้มเจ้า จาบจ้วงสถาบัน ก้าวร้าว ใส่ร้ายต่อสถาบัน และยังมากล่าวหาโจมตีนายกฯ ให้เกิดความเสียหาย เช่นนี้คงไม่สามารถจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกต่อไปได้ ตนจึงยืนยันว่าจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายให้เด็ดขาด

 

นายสุภรณ์ ยังมองว่า นายส.ศิวรักษ์ เปรียบเหมือนตะวันใกล้ตกดิน ไม่ควรออกมาสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ถามว่าตั้งแต่หนุ่มจนแก่ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติบ้าง มีแต่คอยจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบันมาโดยตลอด คนประเภทนี้ไปอยู่ที่ไหนก็หนักแผ่นดิน มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ มีแต่คิดร้ายต่อสถาบัน โดยไม่กลัวขี้กลากกินหัว ตายไปก็ตกนรกลงกระทะทองแดง เพราะไม่สำนึกต่อคุณแผ่นดินและพระบารมีบูรพกษัตริย์ไทย ที่ปกป้องแผ่นดินให้มีแผ่นดินอยู่อาศัย จน นายสุลักษณ์ ได้ดำรงชีวิตตั้งแต่เด็กจนแก่เฒ่ามา จนเกือบจะใกล้ลงโลงอยู่แล้ว ยังไร้จิตสำนึกอีก

 

“คนแบบนี้เปรียบเหมือนภาษิต แก่เพราะอยู่นาน ไม่มีประโยชน์ต่อแผ่นดินเลยสักนิด เปรียบเสมือนยาหมดอายุไม่ควรให้ค่า และนาย ส.ศิวรักษ์ ก็มีอายุมากแล้ว ควรเอาเวลาไปเลี้ยงหลานหรือเข้าวัดทำบุญมากกว่า จะได้ไถ่บาปที่คิดร้ายต่อสถาบัน ตลอดมาทั้งชีวิต และไม่ควรออกมาเคลื่อนไหว สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองอีกต่อไป" นายสุภรณ์ ระบุ