หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 3 พฤศจิกายน 2563
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยตัวเลขการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 17 ปี รวมถึงยอดสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี นอกจากนี้กิจกรรมภาคโรงงานของจีนยังได้แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ทศวรรษ ในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา
- การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง โดยยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดใกล้แตะ 47 ล้านราย เสียชีวิตแล้วกว่า 1.2 ล้านราย โดยสหรัฐฯ ติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต ขณะที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 9.4 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 2 แสนราย รวมถึงหลายประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ต่างประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส
- ลิเบียได้เพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ถึงระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลประกาศยุติการปิดล้อมโรงผลิตน้ำมันภายในประเทศ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังพายุไต้ฝุ่นโคนีได้พัดถล่มฟิลิปปินส์และเวียดนาม ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ กระทบความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในการขับขี่
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลจากจีนยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับอุปสงค์ที่หายไปจากมาตรการปิดเมืองในยุโรป
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะเลื่อนแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 36.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 38.97 ดอลลาร์/บาร์เรล